เมื่อเวลา 22.00 น. นายอานนท์ นำภา แกนนำเยาวชนปลดแอก อภิปรายปิดท้ายการอภิปรายบนเวทีชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยคณะประชาชนปลดแอก ว่า การแก้รัฐธรรมนูญมีพรรคการเมืองตอบรับผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทั้งนี้ขอประชาชนกดดันส.ว. ให้ถึงที่สุด โดยตนมองว่า ส.ว.ไม่มีสิทธิออกความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามตนทราบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะให้แก้ไขบางประเด็นที่ไม่กระทบต่ออำนาจของเผด็จการและมีบางพรรคการเมืองยินยอมจะปฏิบัติตาม ดังนั้นขอให้ประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วย

นายอานนท์ กล่าวยืนยันด้วยว่าในข้อเรียกร้องของกลุ่มตน ในประเด็นความฝันที่ให้สถาบันเบื้องสูงอยู่เหนือการเมือง จะดำเนินการต่อและให้ประชาชนทุกจังหวัด ทุกอาชีพและทุกสีเสื้อ ให้ร่วมฝันถึงการมีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง ทั้งนี้เป็นการเริ่มต้น จากนี้เผด็จการยังมีอีกหลายรูปแบบ ดังนั้นตนขอให้ทุกคนเข้มแข็ง โดยระลึกเสมอว่าได้รับไม้ต่อมาจาก คณะราษฎร , จิตร ภูมิศักดิ์ และนายปรีดี พนมยงค์ ร่วมต่อสู้ให้ได้สิทธิและเสรีภาพในรุ่นของเรา โดยตราบใดที่ภารกิจไม่สิ้นสุดจะไม่ยอมแพ้.

ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการชุมนุม บนเวทีได้ประกาศว่าแกนนำชุมนุมที่มีรายงานว่า ถูกออกหมายเรียกและหมายจับ จำนวน 31 คนขึ้นเวทีเพื่อขอให้ตำรวจชี้แจงกรณีออกหมายเรียกและหมายจับ พร้อมตะโกนคำว่า “ตำรวจต้องรับใช้ประชาชน” จากนั้นได้อ่านแถลงการณ์ของคณะประชาชนปลดแอก โดยย้ำจุดยืนถึงรัฐบาล 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชนที่แสดงสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ, ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, ยุบสภา โดยไม่เอารัฐประหาร หรือ ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ และความฝันคือ พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากแกนนำกลุ่มอ่านแถลงการณ์ที่ประกาศจุดยืนแล้ว ได้เชิญชวนผู้ชุมนุมยืนพร้อมชูสามนิ้ว และตะโกนว่า “ประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการจงพินาศ” จำนวน 3 ครั้ง ก่อนจะยุติการชุมนุมและแยกย้าย เวลา 22.45 น.