พปชร.เดินหน้าตั้งรัฐบาล ยันได้รับคะแนนนิยมสูงที่สุด 7.9 ล้านเสียง มีความชอบธรรม

เมื่อเวลา 17.00น. วันที่ 25 มี.ค.62 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำกรรมการบริหารของพรรคแถลงท่าทีภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคถึงผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการออกมา โดยในการแถลงมีการจัดทำป้ายข้อความว่า “เราจะเดินไปข้างหน้าไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” อุตตม สาวนายน

นายอุตตม กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนสูงสุดจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย คือได้คะแนน 7.9 ล้านเสียง ถือเป็นคะแนนสูงสุด ทางพรรคก็ขอกราบขอบพระคุณที่ประชาชนกรุณาออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจ ยืนยันจะดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าด้วยความสงบสุข ต่อเนื่องในทุกเรื่อง

…………………….

นายอุตตม กล่าวอีกว่า แนวทางการดำเนินการจากนี้ในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล มติที่ประชุมมอบหมายให้หัวหน้าและเลขาธิการพรรคดำเนินการในเรื่องนี้ เรายืนยันแนวทางที่เราได้ยืนยันมาตั้งแต่ต้น คือ พรรคใดได้รวบรวมเสียงข้างมากได้ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นจากนี้ไปจะดำเนินการหารือพูดคุยกับพรรคการเมืองที่มีผู้สมัครรับการเลือกตั้งที่มีแนวทางสอดรับ มีอุดมการณ์ นโยบาย การบริหารจัดการประเทศในแนวทางเดียวกัน เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ตามกติกาของรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล

นายอุตตม กล่าวว่า เป็นหลักการที่พูดมาตั้งแต่ต้น แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นพรรคที่จะพยายามดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่าจะเริ่มพูดคุยกับพรรคการเมืองแล้วแล้วน่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เราจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ยังบอกเวลาตายตัวตอนนี้ไม่ได้ในเรื่องนี้ ส่วนมีกี่พรรค ยังอยู่ในช่วงเวลาของการพูดคุยยังบอกไม่ได้ว่ากี่พรรคเช่นกัน เมื่อถามว่ามีความยากลำบากแค่ไหนในการรวบรวมพรรค นายอุตตม กล่าวว่า คิดว่าเราทำได้ไม่ได้คิดถึงความยากลำบาก และเชื่อมั่นว่าเป็นหลักการของเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ทุกเสียงของประชาชนมีความหมายในการแสดงออกมา เราตั้งต้นจากจุดนั้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรในการจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามย้ำถึงเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล นายอุตตม กล่าวว่า ต้องเป็นพรรคที่ร่วมอุดมการณ์ สอดคคล้องเรื่องนโยบาย เพราะเราต้องทำงานให้ประชาชน ไม่ว่าจะกี่พรรคก็ต้องหารือกับนโยบายว่าสอดคล้องกันให้เป็นประโยชน์สูงสุด เมื่อถามว่าจะมีชื่อของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ขอเวลาดำเนินการ ยังไม่พาดพิงพรรคใด แต่จะดำเนินการไม่รอช้า เมื่อถามถึงเรื่องการต่อรองเก้าอี้ รมต. นายอุตตม กล่าวว่า ขอให้เข้าสู่กระบวนการก่อน ยังไม่ไปถึงจุดนั้น สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

…………………………..

ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศเป็นแกนนำจัดจั้งรัฐบาลเช่นกัน ว่า ต้องดูเจตนารมณ์จากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ดูคะแนนรวมของประชาชนทั้งประเทศ และหลักการทุกคะแนนของประชาชนไม่ให้ถูกทิ้งไปในอดีต จำนวนส.ส.ที่พึงมีทั้หมดต้องอยู่บนคะแนนรวมของทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญวางหลักเกณฑ์ให้ประชาชนที่ให้ความไว้วางใจจะถูกนับ ถ้าเขตนั้นแพ้แล้วคะแนนห่าง 100-200 คะแนนแล้วไม่นับเขาก็คงไม่ใช่ ถือว่าเราได้รับ ความไว้วางใจสูงสุด 7.9 ล้านเสียง เป็นความชอบธรรมในการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

“พรรคพลังประชารัฐจะไม่มองข้ามเสียงใดเสียงหนึ่งของประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจ เพียงแต่ว่าพรรคที่บอกว่ามีส.ส.เขตมาก ก็ติดลบหรือไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติ และที่สำคัญ การแพ้ชนะกันในเขต บางเขตแพ้หลักร้อย 100 200 แล้วเราจะบอกว่าคนที่แพ้แล้วเราไม่นับเช่นนั้นหรือ นั่นคือเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส่วนใครได้รับความไว้ใจสูงสุดในสภาผู้แทนราษฎร นั่นคือหลักประชาธิปไตยที่แท้จริง ใครรวบรวมเสียงได้มากที่สุดคือคนที่จะได้เป็นรัฐบาล นั่นคือบรรทัดสุดท้ายที่ทุกคนจะต้องทำ พรรคพลังประชารัฐกำลังดำเนินการเข้าสู่ตรงนั้น” นายสนธิรัตน์ กล่าว

เลขาธิการพปชร. กล่าวยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐยืนยันเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอขา เป็นนายกมาตลอด เพราะเราต้องเคารพเสียงของประชาชนที่เขาให้ความไว้วางใจต่อพลเอกประยุทธ์ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคารพเสียง นั้น ส่วนการตัดสินใครจะเป็นนายกฯอยู่ที่สมาชิกวุฒิสภานั้น ยืนยันว่าเราเคารพ สถาบันส.ว.คือสถาบันที่เราต้องไว้วางใจ จะเป็นสถาบันหนึ่งที่เขาเป็นห่วงบ้านเมืองเช่นกัน เป็นเอกสิทธิ์ของส.ว.คงไม่ไปก้าวล่วง ที่เขาจะตัดสินใจเมื่อถึงเวลานั้น