หลังจากวงการบันเทิงเพิ่งจะสูญเสียนักแสดงสาว “แตงโม นิดา” ไปไม่นาน ล่าสุดพระเอกระดับตำนานอย่าง “สรพงษ์ ชาตรี” ก็มาจากไปอีก ด้วยโรคมะเร็งปอดในวัย 71 ปี เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวช็อกวงการบันเทิงไทย

โดยวันนี้ (10มีนาคม 2565) เวลา 15.51 น. “สรพงษ์ ชาตรี” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปี พ.ศ. 2551 ได้จากไปอย่างสงบที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หลังเข้ารับการรักษาตัวจากโรคมะเร็งปอดมาได้ระยะใหญ่ โดยหลังจากนี้ทราบว่าทางครอบครัวจะนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

สำหรับอาการป่วย “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และ “เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” เคยออกมาชี้แจงแทนครอบครัวว่า “สรพงศ์ ชาตรี” ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด มาประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว และรักษาตัวตามอาการมาเรื่อยๆ ส่วนที่เข้าห้องไอซียูนั้น มาจากการที่กินกล้วยน้ำว้าแล้วสำลัก แต่เชื้อมะเร็งมีการลุกลามไปที่อื่นจริง

นอกจากนี้ลูกสาวอย่าง “ขวัญ พิมพ์อัปสร เทียมเศวต” ก็ได้ออกมาอัปเดทอาการของคุณพ่อผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า “ขอบคุณทุกความห่วงใยล้นหลามที่ส่งมาให้คุณพ่อนะคะ คุณพ่อกำลังใจดีมาก หน้าตาสดใส แรงเยอะเหมือนเคย ชอบกินกับข้าวสมัยเด็กที่คุณป้าทำไปให้ และกระยาสารทของโปรดที่ขวัญเอาไป ฝากส่งกำลังใจให้คุณพ่อหายไวๆ ด้วยนะคะ ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ และขอโทษที่ไม่ได้บอกใคร ตามความประสงค์ของคุณพ่อที่ไม่อยากให้ใครเป็นห่วงนะคะ ขวัญยุ่งมากไม่ได้รับสายใครเลย ต้องขออภัยด้วยค่า”

อาลัย "สรพงษ์ ชาตรี"  มะเร็งปอดพรากชีวิตในวัย 71 ปี ปิดตํานานพระเอกชื่อดัง
สำหรับประวัติ “สรพง์ ชาตรี” เพจดาราภาพยนต์ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า
พี่เอก-สรพงษ์ ชาตรี มีชื่อจริงว่า พิทยา เทียมเศวต ภายหลังเปลี่ยนเป็นกรีพงษ์ เทียมเศวต เป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในช่วงปลายยุค 70 ถึงกลางยุค 80 เเละยังคงมีชื่อเสียงในอาชีพการเเสดงมาจนถึงปัจจุบัน
ภายหลังได้รับเลือกเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงเมื่อปี พ.ศ. 2551
สรพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายชื้น กับนางพริ้ว เทียมเศวต จบการศึกษาชั้น ป.4 แล้วบวชเรียนตั้งแต่อายุ 8 ปี ที่วัดเทพสุวรรณ พระนครศรีอยุธยา และวัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ธนบุรี จนกระทั่งลาสิกขาบทเมื่อ พ.ศ. 2512
เมื่ออายุได้ 19 ปี และได้พบกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งชักชวนให้มาอาศัยอยู่ที่วังละโว้ ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
สรพงษ์ เริ่มงานแสดงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2512 เป็นตัวประกอบ และเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละครเรื่อง นางไพรตานี ฉายทางช่อง 7 และเล่นเป็นตัวประกอบในละคร ห้องสีชมพู และ หมอผี ซึ่งหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้กำกับหลังจากเดินทางกลับจากเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
ชื่อ สรพงษ์ ชาตรี ที่ใช้ในการแสดง ผู้ตั้งให้คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ และหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยคำว่า “สร” มาจาก อนุสรมงคลการ, “พงศ์” มาจาก สุรพงศ์ โปร่งมณี (ผู้พามาฝากตัวกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม) และ “ชาตรี” มาจาก ชาตรีเฉลิม
สรพงษ์ ชาตรี มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่อง สอยดาว สาวเดือน เมื่อ พ.ศ. 2512 รับบทเป็นลูกน้องนักเลงที่มีเรื่องกับ ชนะ ศรีอุบล ที่รับบท สมิง ซึ่งเป็นพระรองของเรื่องในร้านเหล้าโดยที่ออกมาฉากเดียวและไม่มีบทพูดและถูกสมิงยิงตาย จากนั้นในภาพยนตร์เรื่องที่ 2 คือเรื่อง ต้อยติ่ง ในปีเดียวกัน สรพงษ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวในช่วงท้ายเรื่องและไม่มีบทพูดเช่นเคย และ ภาพยนตร์เรื่องที่ 3 คือเรื่อง ฟ้าคะนอง เมื่อ พ.ศ. 2513 สรพงษ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวแต่เริ่มมีบทพูดโดยรับบทเป็นผู้โดยสารรถสองแถวคันเดียวกับนางเอกคือ ภาวนา ชนะจิต ที่ต้องการเดินทางไป หาดฟ้าคะนอง กระทั่งสรพงษ์ได้รับบทพระเอกเต็มตัวครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่องที่ 4 คือเรื่อง มันมากับความมืด (พ.ศ. 2514) ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม จากนั้นได้รับบทในภาพยนตร์ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม แทบทุกเรื่อง ทั้งบทพระเอก พระรอง และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในบางครั้ง มีผลงานแสดงกว่า 500 เรื่อง ได้รางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกจากเรื่อง ชีวิตบัดซบ และ สัตว์มนุษย์ สองปีติดต่อกัน และมีชื่อเสียงในต่างประเทศจากเรื่อง แผลเก่า (พ.ศ. 2520) กำกับโดยเชิด ทรงศรี นับว่าประสบความสำเร็จสูงสุด
สรพงษ์ ได้รับรางวัลทางการแสดงจากหลายสถาบัน เช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี ดารานำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง สัตว์มนุษย์ ชีวิตบัดซบ มือปืน มือปืน 2 สาละวิน เสียดาย 2 รางวัลสุพรรณหงส์ ดารานำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ถ้าเธอยังมีรัก มือปืน และนักแสดงประกอบชายจากเรื่อง องค์บาก 2 ส่วนรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง นักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง มือปืน 2 สาละวิน
* พ.ศ. 2524 ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
* พ.ศ. 2552ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)
สรพงษ์ ชาตรี มีบุตรทั้งหมด 4 คน คือ พิมพ์อัปสร (ขวัญ), พิศุทธินี (เอิง), พิศรุตม์ (เอม) และพิทธกฤต เทียมเศวต (อั้ม) ซึ่งพิมพ์อัปสร บุตรคนแรกเกิดกับทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ส่วนบุตรคนที่สองถึงสี่เกิดกับคุณแอ๊ด-พิมพ์จันทร์ ใจวงศ์
ปัจจุบันสมรสกับ ดวงเดือน จิไธสงค์ รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ. 2529 และรองนางสาวไทย พ.ศ. 2530
ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ในปี พ.ศ. 2552
ดำรงตำแหน่ง ประธานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
และเป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย) สาขาศิลปะการแสดงในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย