สนอง หวังหยิบกลาง รับรางวัล”คนดีศรีแผ่นดิน” ครั้งที่ 7 สมาคมสื่อสารมวลชน ประจำปี 2566

วันที่ 2 มีนาคม 2566 เวลา 11.00 น.นายสนอง หวังหยิบกลาง ประธานกรรมการบริหาร โครงการวัดบ้านไร่สร้างหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ องค์ใหญ่ และไวยาวัจกร วัดบ้านไร่อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เข้ารับรางวัล”คนดีศรีแผ่นดิน”ครั้งที่ 7 สมาคมสื่อสารมวลชน เนื่องในโอกาสวันนักข่าว ประจำปี 2566 โดยได้รับมอบรางวัลจาก นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.เขต 2 จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนากล้า นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมด้วยผู้รับมอบรางวัลอันทรงเกียรติ จำนวน 39 คน ทั้งภาคราชการและเอกชน ร่วมงาน

ผู้ว่าฯสยาม กล่าวว่าสมาคมสื่อสารมวลชนนี้เป็นที่น่าเชื่อถือเป็นที่รักของทุกคนโคราช วันนี้จะเป็นโอกาสที่ทางสมาคมฯ จะได้ถือโอกาสในรอบปีแสดงความชื่นชมด้วยการมอบประกาศเกียรติคุณ โลห์รางวัลให้แก่ผู้ที่ทําผลประโยชน์ ผู้ที่มีความดีงาม ความโดดเด่นในจังหวัดนครราชสีมาในรอบปีนี้ ซึ่งพวกเราจะได้ร่วมเป็นสักขีพยานได้รับรู้รับทราบคุณงามความดีที่แต่ละท่านได้ทําไว้ถือว่าเป็นเรื่องสําคัญอย่างยิ่งที่เรายกย่องเชิดชูผู้ที่ทำคุณงามความดี ให้ปรากฏขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา และหลังจากนี้คงจะได้มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมร่วมงานกัน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

ด้านนายสนอง กล่าวว่า วันนี้ได้รับเกียรติจากสมาคมสื่อสารมวลชนโคราช มอบรางวัลอันทรงเกียรติ”คนดีศรีแผ่นดิน” สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม (พระพุทธศาสนาดีเด่น) ทางสมาคมสื่อสารมวลชนโคราช มองเห็นการทํางานของเรามาตลอด ตั้งแต่ก่อนที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ จะละสังขาร เราได้สนองงานให้กับท่านมาโดยตลอด เมื่อประชาชนทั่วไปชาวบ้านต่างๆ มาขอให้ท่านช่วยบริจาค ในเรื่องการสร้างวัดวาอาราม ท่านก็จะส่งผมเป็นทัพหน้าไปอํานวยการก่อสร้างให้ก็ทำมา 20 กว่าปีจนถึงปัจจุบันตอนนี้ผมเป็นไวยาวัจกร วัดบ้านไร่ และเจ้าอาวาส ท่านได้มอบหมายให้รับผิดชอบ โครงการวัดบ้านไร่สร้างหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก กว้าง 19 เมตร สูง27 เมตร ในตําแหน่งประธานกรรมการบริหารโครงการ

ซึ่งตอนนี้ความคืบหน้าโครงการเราได้ดําเนินการไปเรื่อยๆ ตามปัจจัยที่คณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนประชาชนทั่วไปได้ร่วมทำบุญบริจาคมาเรานําไปก่อสร้างเพื่อทดแทนคุณให้กับพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เมื่อท่านละสังขารแล้วก็เป็นเรื่องที่ทางชาวบ้าน คณะกรรมการ ลูกศิษย์ จะตอบแทนท่านในการสร้างอนุสรณ์สถานให้กับท่าน และในปีนี้คาดว่าน่าจะเป็นปลายเดือนมีนาคมนี้ คณะกรรมการได้ปรึกษาหารือกัน เบื้องต้นแล้วสรุปอีกครั้งหนึ่งแล้วจะแจ้งให้กับคณะศิษยานุศิษย์ ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ในห้วงวาระของโครงการต่อไป ซึ่งสามารถติดตามข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ของหลวงพ่อคูณองคใหญ่ เพจวัดบ้านไร่ และสามารถเข้าไปที่วัดโดยตรงจะมีศูนย์ประชาสัมพันธ์กับกองอํานวยการ

“ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชน คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป ขอเรียนเชิญมายังที่วัดบ้านไร่ ร่วมบุญใหญ่ครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต เป็นประวัติศาสตร์ของพวกเราลูกศิษย์ลูกหาร่วมกันสร้างเพื่อทดแทนคุณบูรพาจารย์ พระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณปริสุทโธ”นายสนอง กล่าว

นายณัฐพงศ์ อรชร นายกสมาคมสื่อสารมวลชน กล่าวว่า สมาคมฯก่อตั้งมา 7 ปี ทำรางวัลพลเมืองศรีแผ่นดิน ปีนี้เป็นครั้งที่ 7 วัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกผู้มีคุณธรรม คุณงามความดี ช่วยเหลือสังคม ตอบแทนคุณแผ่นดิน โดยผ่านการคัดกรองจากคณะกรรมการอันทรงเกียรติ ปีนี้มีจำนวน 39 ท่าน โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานมอบโล่หเกียรติคุณ

นางกิติวจี ฤทธิ์วัฒน์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมฯ และผู้เข้ารับรางวัล”คนดีศรีแผ่นดิน”สาขาสื่อสารมวลผู้อุทิศตนสร้างสรรค์สังคม 36 ปี กล่าวว่า วันที่ 5 มีนาคม คือวันสื่อสารมวลชน ที่โคราชมีหลากหลายสมาคม แต่สมาคมนี้ตั้งมา 7 ปีแล้วทำงานร่วมกับชมรมสื่อคุณธรรม ซึ่งตั้งมานับ 10 ปีเป็นองค์กรที่ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมร่วมกับมูลนิธิต่างๆ เราได้เห็นองค์กรต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน ออกมาช่วยเหลือสังคมในหลายมิติอยู่เบื้องหลังเหมือนทำงานปิดทองหลังพระ เช่น คุณหมอเจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ทำงานหนักมากช่วงโควิด คุณมารุต ชุ่มขุนทด เจ้าของร้านกาแฟ Class Cafe แจกกาแฟเกือบเป็นล้านแก้วให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรมในการได้รับวัคซีนโควิด คุณแดง วัดบ้านไร่ ทำประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนามาตลอดบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่คนไม่รู้จัก แต่ในเมื่อคนรู้จักเขาแล้ว แต่ทําไมเขาไม่เคยได้รับอะไรที่เป็นเกียรติคุณให้กับเขา เราก็ได้ไปนําเรียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ ท่านก็ขอดูรายชื่อและลงนามในโล่หพร้อมมามอบรางวัลด้วยตนเอง เป็นครั้งแรก ถือเป็นเกียรติแด่สมาคมฯ
““เรามีความสุขกับการได้ทํางาน ถ้าบอกว่านักข่าวถ้าไปแล้วไปหวังผลตอบแทนอะไรอย่าหวัง เราต้องทํางาน ถ้าเราเป็นผู้ให้ เราก็จะเป็นผู้รับเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง”นางกิติวจี กล่าว