“สุวัจน์” ชื่นชมขบวนแห่เทียนเข้าพรรษาที่โคราช ใช้ soft power พลังไทย พลังกระตุ้นเศรษฐกิจ

“สุวัจน์” ชื่นชมขบวนแห่เทียนเข้าพรรษาที่โคราช ใช้ soft power พลังไทย พลังกระตุ้นเศรษฐกิจ

แห่งเทียนพรรษาโคราช ปี 65 ยิ่งใหญ่อลังการ ใช้ soft power พลังไทย พลังกระตุ้นเศรษฐกิจ
เป็นเคล็ดลับการใช้พลังใจในการสู้ ปีนี้ 2 วัดดัง อ.พิมาย ชนะเลิศ คว้าแชมป์พร้อมถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความภาคภูมิใจให้ชาวพิมาย

วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 เวลา 18.00 น.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบรางวัลแก่ขบวนเทียนพรรษา ประจำปี 2565 ของจังหวัดนครราชสีมา ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) จัดโดยเทศบาลนครนครราชสีมา นำโดย นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา โดยมีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา อดีต รมต.สำนักนายรัฐมนตรี นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน พร้อมด้วยพี่น้องประชาชนชาวโคราชร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

นายสุวัจน์ กล่าวว่าการจัดงานแห่เทียนพรรษาของโคราช ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และทำให้เราเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมของชาติ เวลามีวิกฤติให้เอาพลังไทยมาช่วย พลังแห่งซอฟท์พาวเวอร์ มีกิจกรรมดีๆ ทางด้านดนตรี ศิลปะ หรือขบวนแห่เทียนพรรษา มีพี่น้องประชาชนออกมาหลายพันคน และมีร้านค้าขายหลายๆร้าน เป็นร้อยๆร้าน และขายดี ซึ่งทุกคนที่ออกมาเดินจากการสอบถามมาอยากให้มีอีก และอยากให้มีทุกวัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีที่เทศบาลนครนครราชสีมา ได้จัดงานได้ดีๆ และยิ่งใหญ่ มีนักท่องเที่ยวมาชมเป็นจำนวนมาก โดยใช้วัฒนธรรมพื้นฐาน ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เป็นสิ่งที่อยู่กับเราอยู่แล้ว เพื่อหยิบมาดำเนินการ ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย แล้วก่อให้เกิดความยิ่งใหญ่ ความรักชาติ ความภาคภูมิใจ แล้วนำทุกคนมาร่วมกัน และเป็นการกระตุ้นเศษฐกิจที่ดีเป็นเคล็ดลับการใช้พลังใจในการต่อสู้

“ดูจากแววตาทุกคนมีความสุขมาก ถ้าทุกจังหวัด แต่ละจังหวัด แต่ละบ้านเมือง มีวัฒนธรรมมีความหลากหลาย ของความงดงาม ตามประเพณีต่างๆ หยิบมาใช้ประโยชน์ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ”นายสุวัจน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการแห่ขบวนเทียนพรรษาไปรอบเมืองในช่วงเวลา 15.00 น. ซึ่งมีคุ้มวัดต่างๆ ในหลายอำเภอส่งเข้าร่วมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาครั้งนี้จำนวนมาก และคณะกรรมการได้ตัดสินผู้ชนะเลิศขบวนเทียนพรรษาเป็นที่เรียบร้อย โดยผลการประกวดขบวนเทียนพรรษา ประเภท ก. ปรากฏว่า  ปีนี้ขบวนเทียนพรรษาของวัดเดิม อ.พิมาย ชนะเลิศเป็นอันดับที่ 1 ได้รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปครอบครอง พร้อมเงินรางวัล 60,000 บาท รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2 วัดบูรพาพิมล อ.พิมาย ได้รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 วัดเก่าประตูชัย อ.พิมาย ได้รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 40,000 บาท
ส่วนขบวนเทียนพรรษา  ประเภท ข. รางวัลชนะเลิศอับดับที่ 1 ได้แก่ วัดใหม่ประตูชัย อ.พิมาย ได้รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปครอบครอง พร้อมเงินรางวัล 45,000 บาท รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2 ทีมงานส่วยศิลป์ ได้รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 34,000 บาท รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 วัดป่าพิทักษ์ธรรม อ.เมืองนครราชสีมา ได้รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 25,000 บาท.

สำหรับประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2565 ทางเทศบาลนครนครราชสีมา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 ก.ค.2565 นับว่าเป็นการกลับมาจัดงานอีกครั้ง หลังจากประสบกับปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนงดการจัดงานไปนานถึง 3 ปี โดยได้มีการจัดสถานที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) เป็นเวทีจัดแสดงดนตรีและวัฒนธรรมไทย รวมทั้งมีเต๊นท์กิจกรรมทำบุญตักบาตรพระประจำวัน ซึ่งปีนี้มีขบวนเทียนพรรษาจากอำเภอต่างๆ อาทิ อ.โชคชัย อ.พิมาย อ.โนนสูง และ อ.เมือง ส่งขบวนเทียนพรรษาทั้งประเภท ก. และประเภท ข. เข้าร่วมขบวนแห่เทียนพรรษาประมาณ 30 ขบวน ก่อนที่ขบวนเทียนพรรษาทุกขบวน จะมาจอดไว้รอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมและถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกโดยประเพณีแห่เทียนพรรษาของ จ.นครราชสีมา ได้มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว และได้ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยวของการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย

อย่างไรก็ตามมีการประชาสัมพันธ์ขอให้ทุกคนเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยตลอด ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการระบาดของโควิดสายพันธุ์ย่อย BA 4 , BA 5