“ธรรมนัส” ลงพื้นที่โคราชแก้ปัญหาข้อพิพาทโรงน้ำตาลพิมายกับชาวบ้าน ตั้งกรรมการส่วนกลางยุติปัญหา ขณะที่ชาวบ้านที่เดือดร้อนร้องทั้งน้ำตาตกเป็นจำเลยสังคม ถูกกล่าวหาร้องเรียนเพราะอยากขายที่ดินแพง
นครราชสีมา – วันนี้ (1 มีนาคม25 64) เวลา 10.00 น. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะลงพื้นที่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกรณีประชาชนในพื้นที่ ต.หนองระเวียง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้รับความเดือดร้อนจากโรงงานน้ำตาลพิมาย บริษัทอุตสาหกรรมโคราช จำกัด ปล่อยมลพิษฝุ่นละอองและปล่อยน้ำเสีย ทำให้ชาวบ้านบริเวณโรงงานได้รับผลกระทบ มานานกว่า 20 ปี โดยการประชุมหารือ มีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อุตสาหกรรมจังหวัด ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมขาติและสิ่งแวดบ้อม ภาค 11 นายอำเภอพิมาย ชาวบ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนโรงงานน้ำตาลพิมาย ร่วมในการประชุม ที่ห้องประชุม อบต.หนองระเวียง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา โดยภายหลังจากการหารือ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรแบะสหกรณ์ ได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย ที่มารอคอยผลการประชุม และถือป้ายขอร้องไม่ให้ทางหน่วยงานภาครัฐดำเนินการสั่งปิดโรงงานน้ำตาล เนื่องจากจะได้รับผลกระทบจากการไม่มีแหล่งจำหน่ายอ้อย
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวกับพี่น้องเกษตรชาวไร่อ้อยในพื้นที่ อ.พิมาย ว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ตนเองลงมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนทุกฝ่าย ไม่ได้มาแก้ไขปัญหาให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รวมถึงไม่ได้มาเพื่อสั่งปิดโรงงานน้ำตาลแต่อย่างใด เนื่องจากทราบดีว่าหากมีการปิดโรงงาน จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรอย่างแน่นอน ทั้งนี้ต้องให้ทั้งฝ่ายโรงงานและชาวบ้านอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แต่ทางโรงงานต้องมีการดำเนินกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน การดำเนินกิจการจะต้องไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนข้างเคียง จากที่ได้รับทราบข้อมูลพบว่าทางโรงงานได้ดำเนินแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องฝุ่นและปล่อยน้ำเสียตามที่ทางจังหวัดกำหนดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีการสั่งปิดโรงงานแต่อย่างใด แนวทางแก้ไขปัญหาต่อไปตนเองจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการ จากส่วนกลาง และจังหวัดลงมาพูดคุยหาแนวทางเยียวยาแก้ไขให้กับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ อย่างเป็นรูปแบบธรรม เพื่อให้ครอบครัวที่เดือดร้อนสบายใจตนเองยืนยันปัญหาต้องจบหากตนลงมาแก้ไขปัญหา
ด้านนางระพี เนื้อนา ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองและน้ำเสีย กล่าวด้วยน้ำตา ว่า ที่ผ่านมาตนเองและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการของโรงงานน้ำตาล ตกเป็นจำเลยสังคมว่าการออกมาร้องเรียนโรงงานนั้น เพียงต้องการขายที่ดินที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิดให้กับโรงงานในราคาที่แพงเกินจริง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ตนเองได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจริงจึงออกมาร้องเรียน ยืนยันถึงโรงงานจะเสนอราคาเท่าไรก็ไม่ยอมขายเพราะเป็นที่ดินตั้งแต่บรรพบุรุษ อยากให้สังคมมองตนเองและครอบครัวเป็นผู้ที่เดือดร้อน ไม่ใช่เป็นผู้หวังผลประโยชน์ในเรื่องนี้ แต่ทั้งนี้จะรอข้อสรุปถึงแนวทางแก้ไขปัญหาและแนวทางการเยียวยาจากทางจังหวัด.
//////////ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา