โคราชเผารายวัน จุดความร้อนกระจายทั้งจังหวัด ค่าฝุ่น PM 2.5  พุ่งต่อเนื่อง กระทบสุขภาพ

 นครราชสีมา-(ภาพ1)   วันนี้ (18 มีนาคม 2567) สำนักงานพัฒนาเทคโนดลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ Gisda ได้รายงานข้อมูลไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กจากดาวเทียม ว่า พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ พบจุดความร้อน Hotspot เป็นจำนวนมากในช่วงนี้ ซึ่งทำให้ปริมาณหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเพิ่มปริมาณสูงมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศในวันนี้ มีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียง

เหนือตอนล่าง มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่  ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไป โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา อากาศร้อนจะจัดในช่วงกลางวัน อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดวันนี้ สูงถึง 39 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีความร้อนสะสมมากยิ่งขึ้น เสี่ยงเกิดไฟไหม้ป่าและไฟลามทุ่งได้ง่าย

 

ซึ่งการตรวจวัดจุดความร้อน ผ่านสัญญาณดาวเทียม ล่าสุดวานนี้ (17 มีนาคม 2567) พบจุดความร้อน (Hot Spot) กระจายทั่วจังหวัดนครราชสีมา มากถึง 80 จุด โดยตรวจพบในพื้นที่เกษตรมากสุด 61 จุด รองลงมา คือ เขต สปก. 11 จุด ,พื้นที่อื่นๆ 6 จุด และพื้นที่ป่าสงวนฯ อีก 2 จุด เป็นสาเหตุทำให้เกิดการสะสมของปริมาณฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น  ยิ่งช่วงนี้สภาพอากาศร้อนแล้ง หากยังลักลอบเผาไม่หยุดจะยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่ไฟจะลามไหม้อย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดฝุ่นมลพิษฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง  ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

ซึ่งสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ผ่านแอพพลิเคชัน Air4Thai ที่บริเวณสถานีสูบน้ำประตูพลแสน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา พบว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 วัดได้ 41.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ดัชนีคุณภาพอากาศ Air Quality Index เป็นข้อมูลคุณภาพอากาศในภาพรวมที่ประกอบด้วยมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ตรวจวัดได้ 112 AQI เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนต้องป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร และจำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมกลางแจ้ง  ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ฝุ่นมลพิษในอากาศมีปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง มาจากการเผาเศษซากผลผลิตทางการเกษตรในที่โล่งแจ้งมากที่สุด

 

และยังพบการลักลอบเผาพื้นที่การเกษตรกันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด พบการลักลอบเผาตอซังข้าวในเขตอำเภอเมืองนครรสีมา โดยไฟได้ลามไปไหม้ป่ายูคาลิปตัสเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งปลูกเอาไว้ริมแปลงนาแถวบ้านมาบเอื้อง ตำบลสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา ซึ่งกระแสลมที่พัดค่อนข้างแรงในช่วงนั้น ทำให้ไฟโหมไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว ลามต่อขยายวงกว้างไม่หยุด ก่อให้เกิดฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต้องรีบโทรแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้นำรถน้ำดับเพลิงมาช่วยฉีดน้ำสกัดเพลิงเอาไว้ ก่อนจะลามไหม้บ้านเรือนที่อยู่ใกล้ๆ นอกจากนี้ ในต่างอำเภอก็พบการลักลอบเผาซากพืชผลเกษตรด้วยเช่นกัน ซึ่งครั้งนี้เกิดเหตุที่ พื้นที่นา บ้านโนนกระสัง หมู่ 6 ต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่ง พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ พรหมหมื่นไวย ผกก.สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา และนายศิวะเศก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง ตำรวจสายตรวจทุกตำบล ลงพื้นที่ตรวจตราร่วมกับฝ่ายปกครอง และเกษตรอำเภอ บังคับใช้กฎหมาย ห้ามเผาในที่โล่งแจ้งและพื้นที่การเกษตร เพื่อแก้ปัญหาลดโลกร้อน ลดฝุ่น PM 2.5

 

ซึ่ง ร.ต.ท.สมบุญ ฟุ้งพิมาย รอง สวป.สภ.พิมาย สายตรวจตำบลกระเบื้องใหญ่ และฝ่ายปกครอง กับเกษตรตำบล ได้ไปตรวจพบผู้ลักลอบเผาพื้นที่การเกษตร 2 ราย ที่บ้านโนนกระสัง หมู่ 6 ต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย ได้แก่ นางเสงี่ยม  ชินกลาง อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 64 หมู่ 12 ต.ตาจั่น อ.คง จ.นครราชสีมา และนายนอง ขอมุ่งกลาง อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 27  ม.11 ต.หนองบุญมาก อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา  กำลังจุดไฟเผาหญ้าและตอซังข้าวในที่นาของตัวเอง เมื่อลงไปตรวจสอบ ทั้งสองคนได้รับสารภาพว่า เป็นคนเผาจริง  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พิมาย เพื่อดำเนินคดี และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกษตรกรและประชาชนทั่วไปห้ามเผาในที่โล่งแจ้งและพื้นที่การเกษตร  หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมาย พบเห็นจะจับกุมดำเนินคดีทันที .

////////////