สุวัจน์ เป็นประธานมหาสงกรานต์โคราช แห่พระคันธารราฐ ลอดซุ้มประตูชุมพล แสดงพลังคนโคราช ชู Soft Power และของดีเมืองโคราช เป็นพื้นฐาน การพัฒนา เศรษฐกิจยุคใหม่

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “มหาสงกรานต์โคราช แห่พระพระคันธารราฐ ลอดซุ้มประชุมพล“ ประจำปี 2567 โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล สส. ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนากล้า นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการและพี่น้องประชาชนชาวโคราชร่วมเคลื่อนขบวนแห่ลอดซุ้มประตูชุมพล เดินเท้าไปตามถนนจอมพล ระยะทางประมาณ 800 เมตร มีนักท่องเที่ยวนับพันคนถือผ้าแพรสีเงินและสีทองความยาว 556 เมตร เท่ากับอายุเมืองนครราชสีมา เดินตามจนถึงพระวิหารหลวง วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร (วัดกลางนคร) ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ สร้างความปราบปลื้มให้กับผู้มาร่วมงาน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันสงกรานต์ถือว่าเป็นวันที่มีความสําคัญกับพี่น้องประชาชนชาวไทย และได้รับการยกย่อง จากยูเนสโกให้เป็นมรดกภูมิปัญญาด้านวัฒนธรรมที่มีความสำคัญ วันสงกรานต์ก็จะมีคุณค่า มีความหมาย มีความยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน พูดถึงวันสงกรานต์จะนึกถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองโคราชอยู่สองท่าน คือ วันที่ 13 เมษายน ถือเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ เกิดขึ้นในสมัยท่านอดีตรัฐบุรุษและประธานองคมนตรี ตอนท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้วันสงกรานต์ เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ เมื่อเดือนธันวาคม 2525
และวันที่ 14 เมษายน ท่านพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้วันที่ 14 เมษายน เป็นวันครอบครัว เมื่อเดือน ตุลาคม 2532
ฉะนั้น ความยิ่งใหญ่ความสําคัญของคําว่าสงกรานต์ คือ เป็นวันปีใหม่ของคนไทย เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ เป็นวันครอบครัว และเมื่อได้รับการยกย่อง
จากยูเนสโกให้เป็นมรดกภูมิปัญญาด้านวัฒนธรรม ความยิ่งใหญ่ของเทศกาลสงกรานต์ ถือว่าเป็นวันสำคัญ คือ การให้ความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และความสําคัญของวันครอบครัว คือ วันที่พี่น้องประชาชนจะได้กลับบ้านให้ความสําคัญอยู่ด้วยกัน ความยิ่งใหญ่ของพลังครอบครัวก็คือ พลังของประเทศ

นายสุวัจน์ กล่าวว่าการที่ท่านนายกเทศมนตรีฯ ใช้โอกาสนี้จัดงานที่ยิ่งใหญ่จะเป็นการแสดงออกถึงพลังของประเพณีที่สามารถที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจได้ อย่างวันนี้รัฐบาลแถลงข่าวบอกว่า 3 เดือนแรก คือ มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม มีนักท่องเที่ยวกลับมา 10 ล้านคน ถ้ารักษาสถิตินี้ได้ปี 1 มี 3 เดือน 4 ครั้งไตรมาสละ 10 ล้าน ก็จะเป็น 40 ล้านคนตอนนี้ ก็หมายความว่านักท่องเที่ยวกลับมาเหมือนเดิมช่วงก่อนเกิดโควิดก็แสดงว่าเศรษฐกิจของเราก็จะกลับมาคึกคัก พี่น้องประชาชนเศรษฐกิจรากหญ้า คนในชนบทก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าตอนนี้รัฐบาล ให้ความสำคัญในการที่จะใช้ การท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องการลงทุน เรื่องการส่งออกคงจะลําบาก เพราะความผันผวน ด้านเทคโนโลยี เรื่องภูมิรัฐศาสตร์ เรื่องสงคราม เรื่องน้ำมัน เรื่องดอกเบี้ยที่แพง เรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งด้านการลงทุนก็ต้องการความมั่นใจ ฉะนั้น วันนี้สถานการณ์ต่างๆ เศรษฐกิจเราคงจะพึ่งการลงทุนค่อนข้างที่จะอึดอัด แต่เรื่องกินเรื่องเที่ยวทุกคนก็ต้องมีอยู่ตลอดเวลา

ฉะนั้น นี่คือการท่องเที่ยวสําคัญ นี่คือ เหตุผลที่พยายามจะใช้การท่องเที่ยว เป็นสิ่งที่มากอบกู้เศรษฐกิจ เปิด Free visa มาเมืองไทยไม่ต้องมีวีซ่า หรือการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ ในประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเยอะๆ อย่างที่ท่านนายกเทศมนตรีฯ จัดงานในวันนี้ นอกเหนือจากความภาคภูมิใจในการรักษาประเพณีแล้ว เรายังสามารถที่จะได้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของประเพณีของชาติ ให้เป็นพื้นฐานในการกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

“อยากจะเรียนพี่น้องประชาชน ว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสําคัญ การท่องเที่ยว โคราชมีพื้นฐานที่ดีอุดมสมบูรณ์ด้วยวัฒนธรรมประเพณี เป็นจังหวัดที่มี soft power มากที่สุด คือ คนโคราชมีภาษาโคราช มีผ้าไหมโคราช มีอาหารโคราช มีเพลงโคราช มีมวยไทยโคราช คือ โคราชมีเอกลักษณ์ในทุกๆ เรื่อง ถ้าหยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องเศรษฐกิจ ในเรื่องการท่องเที่ยว ต่อไปโคราชจะเป็นจังหวัดที่มีพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง แล้วความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจก็จะกลับคืนมา“ นายสุวัจน์ กล่าว