ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ทะลุแรง 9,635 ราย จากเรือนจำ 6,853 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 25 ราย

ศูนย์ข้อมูล COVID-19″ รายงานสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ณ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 พบว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,635 ราย มีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 9 ราย ติดเชื้อในประเทศ 9,626 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 6,853 ราย
อีก 2,782 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 953 ราย เป็นผู้ป่วยในระบบบบริการและสอบสวนโรค 1,820 ราย
เป็นผู้ป่วยในกทม. 4,704 ราย เป็นผู้ป่วยในปริมณฑล 567 ราย เป็นผู้ป่วยในจังหวัดอื่นๆ 4355 ราย
หายป่วยเพิ่ม 1,397 ราย ยอดหายป่วยสะสม 39,774 ราย รวมยอดป่วยสะสม 82,219 ราย
มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 25 ราย ยอดรวมเสียชีวิต 614 ราย

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)(ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,635 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,820 ราย การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 953 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 6,853 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 111,082 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 25 ราย สะสม 614 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่ม 1,397 ราย สะสม 67,200 ราย โดยผู้ที่ยังรักษาอยู่ 43,268 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล(รพ.) 22,662 ราย ในรพ.สนามและอื่นๆ 20,606 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1,226 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 400 ราย คิดเป็น 33% หรือ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยอาการหนัก

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การระบาดระลอกเดือนเม.ย.2564 มีผู้ป่วยสะสม 82,219 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและบริการ 58,035 ราย การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 13,061 รายและผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 10,748 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสม 520 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตวันนี้ 25 ราย เป็นชาย 15 ราย หญิง 10 ราย อายุเฉลี่ย 33 – 86 ปี ผู้ที่รักษาตัวนานที่สุดคือ 31 วันก่อนเสียชีวิต พบใน กรุงเทพมหานคร 18 ราย และสุพรรณบุรี สุโขทัย สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท จังหวัดละ 1 ราย

โดยโรคประจำตัวและความเสี่ยง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง 15 ราย เบาหวาน 7 ราย ไขมันในเลือดสูง 8 ราย หลอดเลือดสมอง 3 ราย โรคไต, หัวใจ, ภาวะอ้วน อย่างละ 2 ราย โรคปอดเรื้อรัง มะเร็ง อย่างละ 1 ราย และปฏิเสธโรคประจำตัว 5 ราย

ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงต่อการรับเชื้อมาจากคนในครอบครัว 12 ราย คนอื่นๆ คือ เพื่อนร่วมงาน 6 ราย อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด 5 ราย อาชีพเสี่ยง คือ ขับรถรับจ้าง 1 ราย และเข้าไปในสถานบันเทิง 1 ราย

“หลายคนตั้งคำถามว่าเมื่อวานนี้(16 พ.ค.) ตัวเลขของผู้ป่วยจากเรือนจำเป็น 0 ราย แต่ในวันนี้ทำไมมีตัวเลขพุ่งขึ้นมา ก็เกิดจากการคัดกรองเชิงรุกซึ่งจะมีการรายงานเข้าระบบเป็นกลุ่มออกมา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในวันนี้มีผู้เดินทางมาจากประเทศกัมพูชา 2 ราย ซึ่งมี 1 ราย เดินทางเข้าผ่านช่องทางธรรมชาติ เป็นหญิงไทย อายุ 60 ปี อาชีพรับจ้าง รักษาตัวที่ รพ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนเข้ามาผ่านช่องทางที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค. มีการลักลอบเข้ามา 87 ราย ซึ่งเป็นการตรวจพบที่แนวชายแดน 72 ราย และพบในพื้นที่ตอนในอีก 15 ราย เป็นสิ่งที่เราน่าห่วง แต่หลายคนบอกว่า ผู้ที่เข้ามาถึงพื้นที่ตอนใน คือคนที่เข้ามาอยู่นานพอสมควร แม้จะเบาใจได้แต่เราวางใจไม่ได้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่พบผู้ป่วยรายใหม่สูงสุดในรอบวัน ได้แก่ กทม. 1,843 ราย สมุทรปราการ 155 ราย ปทุมธานี 146 ราย นนทบุรี 129 ราย สมุทรสาคร 53 ราย ชลบุรี 45 ราย สงขลา 42 ราย เพชรบุรี 39 ราย นครปฐม 36 ราย และอยุธยา 31 ราย

ทั้งนี้ มี 17 จังหวัด เป็นพื้นที่สีขาว เนื่องจากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในรอบวัน ได้แก่ ลำพูน ชัยภูมิ บุรีรัมย์ นครพนม น่าน สุโขทัย ชุมพร แพร่ อุตรดิตถ์ ชัยนาท หนองคาย พังงา อำนาจเจริญ มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬและสตูล

“สำหรับ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด คือ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาครและนครปฐม พบผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้รวมกัน 2,362 ราย จากเมื่อวานนี้พบ 1,744 ราย ส่วนยอดรวมของจังหวัดอื่นๆ อีก 71 จังหวัด เมื่อวานพบ 535 ราย วันนี้ลดลงเหลือ 411 ราย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในวันนี้มียอดผู้ป่วยที่ตรวจพบในเรือนจำ 6,835 ราย โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้แถลงข่าวในข้อมูลส่วนนี้ไปแล้ว โดยมีข้อสรุปภาพรวมการตรวจคัดกรองเชิงรุกในเรือนจำ 8 แห่ง ตรวจไปแล้ว 24,357 ราย พบผู้ติดเชื้อ 10,748 ราย คิดเป็น 49% และยังรอรายงานผลอีก 2,235 ราย

“ผู้ติดเชื้อ 10,748 ราย ได้รับการดูแลอยู่ในเรือนจำ ซึ่งมีสภาพที่แน่นและอัด จึงขอส่งกำลังใจไปให้แพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่ดูแลในเรือนจำ และขอให้ผู้ต้องขังทุกท่านดูแลสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่มีอาการป่วยหนัก ทางเรือนจำจะดูแลท่านอย่างดีที่สุดในเรื่องของการดูแลภายในการให้ได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จับมือร่วมกับกรมราชทัณฑ์ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด” นพ.ทวีศิลป์