ศูนย์จีโนมฯ ยันไทยพบแล้ว 1 ราย โอมิครอน BA.2.75 ที่ จ.ตรัง ขณะนี้แพร่ระบาดไปทั่วโลก คาดหลบภูมิคุ้มกัน ดื้อต่อวัคซีนที่เตรียมจากไวรัสอู่ฮั่น
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อัปเดตสถานการณ์โรคโควิด-19 เชื้อโอมิครอน และสายพันธุ์ย่อยที่พบใหม่ในประเทศไทยว่า ประเทศไทยพบเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ที่ จ.ตรัง
ทั้งนี้ เก็บตัวอย่างโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.65 และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม และบันทึก (upload) รายงานขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.65
ไวรัส BA.2.75 มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิมอู่ฮั่นประมาณ 90 ตำแหน่ง โดยพบ BA.2.75 อุบัติขึ้นครั้งแรกในประเทศอินเดีย ขณะนี้แพร่ระบาดไปทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บตัวอย่างถอดรหัสพันธุกรรมได้ 338 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ค.65)
สำหรับข้อความของศูนย์จีโนมฯ มีรายละเอียด ดังนี้ พบโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ในประเทศไทยที่ จ.ตรัง (ปรับปรุง 20/7/2565 เวลา 07.07น.)
เก็บตัวอย่างโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.65
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและ upload ขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.65 (ภาพ 1)
มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม “อู่ฮั่น” ประมาณ 90 ตำแหน่ง (ภาพ 2)
พบ BA.2.75 อุบัติขึ้นครั้งแรกในอินเดีย ขณะนี้แพร่ระบาดไปทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บตัวอย่างถอดรหัสพันธุกรรมได้ 338 ราย (19/กค/2565)
ถามว่า BA.2.75 หลบภูมิเก่ง ดื้อวัคซีน ดื้อยา หรือไม่?
BA.2.75 กลายพันธุ์ไปถึง 100 ตำแหน่ง คาดว่าจะหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ก่อนได้ดี และดื้อต่อวัคซีนที่เตรียมจากไวรัสอู่ฮั่นดั้งเดิม และควรเลือกใช้ยาแอนติบอดีสังเคราะห์ (Monoclonal Antibody) ให้สอดคล้องกับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ผู้ป่วยติดเชื้ออยู่
ที่น่าสังเกตคือการระบาดของ BA.2.75 ในประเทศอินเดีย ประเทศต้นกำเนิดเมื่อต้นเดือนมิ.ย.65 ระบาดไม่ยาวนาน ขณะนี้ใกล้จะสงบลงแล้ว (ภาพ 3) อาจสืบเนื่องมาจากในอินเดียระบาดใหญ่ของ BA.2 มาก่อน ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจทำให้การระบาดของ BA.2.75 ซึ่งกลายพันธุ์มาจาก BA.2 ไม่ขยายวงกว้าง (ภาพ 3) ประเทศไทยเองก็ระบาดใหญ่ของ BA.2 มาก่อนเช่นเดียวกัน (ภาพ 4)