‘สุวัจน์’ ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง รับสภาพ ‘พรรคใหญ่’ ได้เปรียบ กั๊กจับมือ ‘เพื่อไทย’ รอจังหวะทุบโต๊ะเพื่อชาติ จี้ กกต.สกัดระบอบกระสุนดินดำ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 ธันวาคม ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานพรรคชาติพัฒนา เปิดเผยถึงทิศทางของพรรคในช่วงใกล้จะยุบสภาว่า วันนี้ตนพร้อมด้วยเทศบาลนครนครราชสีมา ส่วนราชการ และพี่น้องประชาชนชาวโคราชกว่า 5,000 คน ร่วมกันปลูกต้นไม้จำนวน 9,000 ต้น เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและสร้างพื้นที่สีเขียว ลดภาวะโลกร้อน และช่วยลดฝุ่นละอองในพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สวนอนุสรณ์สถาน และประตูเมืองต่างๆ
ซึ่งทางเทศบาลมีโครงการที่จะปลูกต้นไม้ทุกถนนต่อไป เพื่อสร้างความสวยงามและทันสมัยให้กับเมืองโคราช ควบคู่ไปกับการเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งตนและคณะผู้บริหารท้องถิ่นได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด นายสุวัจน์กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า เศรษฐกิจในขณะนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่หาดใหญ่ ซึ่งเป็นหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทำให้จีดีพีที่คาดว่าจะโต 2% อาจถดถอยลง ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชนและการทำธุรกิจ รัฐบาลจึงต้องเร่งฟื้นฟูเยียวยาและกู้ภาพลักษณ์กลับมาโดยเร็ว
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองนั้น นายสุวัจน์มองว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและรวดเร็ว ทุกฝ่ายต้องเกาะติดสถานการณ์ ซึ่งตนและพรรคชาติพัฒนาได้ทำงานร่วมกับชาวโคราชมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี แม้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะพลาดเป้าไปบ้าง ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ทุกเขต แต่ว่าที่ผู้สมัครและอดีต ส.ส.ของพรรคก็ยังคงลงพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง เหมือนนักมวยที่ซ้อมทุกวัน แต่ยังไม่ได้ขึ้นเวที จึงมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ไม่ว่าจะมีการยุบสภาในช่วงใด
ซึ่งคาดการณ์กันว่าน่าจะไม่เกินสิ้นเดือนมกราคม 2569 สำหรับกระแสข่าวการจับมือ หรือรวมพรรคกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือในเรื่องดังกล่าว และยังเร็วเกินไปที่จะสรุป
โดยต้องพิจารณาจากสถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจ และการเมืองประกอบกัน เพื่อดูว่าจุดไหนจะเป็นประโยชน์ที่สุดต่อประเทศและชาวโคราช ยอมรับว่าในปัจจุบันพรรคการเมืองขนาดใหญ่มีความได้เปรียบในแง่ของความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพในการผลักดันกฎหมายและนโยบายมากกว่าพรรคขนาดเล็ก แต่พรรคชาติพัฒนาก็พร้อมตัดสินใจในจังหวะที่เหมาะสม
โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง นายสุวัจน์กล่าวว่า ประเมินว่าหลังการเลือกตั้ง รัฐบาลชุดต่อไปน่าจะยังคงเป็นรัฐบาลผสม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและได้รับการยอมรับ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและการท่องเที่ยวได้ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้เงินในการเลือกตั้ง
จึงอยากฝากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำงานเชิงรุก ตรวจสอบและควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และนำพาประเทศเดินหน้าต่อไปได้