แม่สาวภรรยาหนุ่มยูกันดาที่ติดเชื้อโควิด รับไม่ได้แจ้งให้ผู้นำชุมชนทราบว่าลูกสาวกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง จนถูกแจ้งดำเนินคดีจงใจปกปิดข้อมูล ขณะที่ ผญบ.นำชุด อสม.ลงพื้นที่ให้ความรู้ พร้อมวางมาตรการตรวจสอบคนเข้าออกหมู่บ้านเข้มข้น หวั่นมาจากพื้นที่เสี่ยงแล้วปกปิดข้อมูลซ้ำ
นครราชสีมา – ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีหนุ่มยูกันดา และภรรยา ชาว อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากได้ไปร่วมรับประทานอาหารกับพี่ชายชาวยูกันดา ที่ย่านรามอินทรา กทม. เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 มีอาการไอมากขึ้น และทราบข่าวว่าครอบครัวของพี่ชายทั้ง 3 คน ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้เดินทางมาตรวจหาเชื้อที่ รพ.เสิงสาง เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 โดยปกปิดข้อมูลไม่บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด แต่เจ้าหน้าที่สังเกตความผิดปกติของอาการ และได้วางมาตรการตรวจหาเชื้อด้วยความรัดกุม กระทั่งผลการตรวจหาเชื้อออกมาเมื่อวันที่ 30 เมษายนว่าเป็นบวก จึงได้ส่งรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เมื่อซักถามประวัติอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงทราบว่าเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อมาก่อน ทำให้ทางจังหวัดนครราชสีมา ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับ 2 สามีภรรยานี้ในข้อหาจงใจปกปิดข้อมูล ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โชคดีที่การตรวจเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรัดกุม จึงทำให้มีไม่มีเจ้าหน้าที่สัมผัสเสี่ยงสูง มีเพียงเจ้าหน้าที่ 2 คน ในจุดคัดกรองที่พูดคุกับผู้ป่วยจุดแรกเท่านั้น ซึ่ง รพ.เสิงสางได้สั่งให้กักตัวโดยให้ work from home ดูอาการไปก่อน
ล่าสุด เช้าวันนี้ (4 พฤษภาคม 2564) นายโกศล ปะนะภูเต ผู้ใหญ่บ้านบ้านซับพงโพด ม.11 ต.โนนสมบูรณ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารสุขอำเภอเสิงสาง และเจ้าหน้าที่ อสม.ในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 108 บ้านซับพงโพด หมู่ 11 ต.โนนสมบูรณ์ อ.เสิงสาง ซึ่งเป็นบ้านของหญิงชาวไทย ภรรยาชายชาวยูกันดาที่ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อให้ความรู้เรื่อง การตรวจเช็คและรายงานบุคคล ที่มาจากพื้นที่กลุ่มเสี่ยง ที่จะเดินทางเข้าออกภายในพื้นที่ โดยอธิบายถึงขั้นตอนการปฏิบัติและแนะนำให้ความรู้ให้แก่ครอบครัวของผู้ป่วยหญิงชาวไทยรายที่ 580 ของจังหวัดนครราชสีมา ที่มีการเดินทางมาจากกรุงเทพฯ พร้อมกับสามีชาวยูกันดา เพื่อมาตรวจหาเชื้อโควิคที่โรงพยาบาลเสิงสาง อำเภอเสิงสางจังหวัดนครราชสีมา และพบว่ามีการติดเชื้อ ทั้ง 2 ราย
โดยนายโกศล ปะนะภูเต ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตอนนี้ทุกหมู่บ้านในพื้นที่ อ.เสิงสาง จะต้องมีมาตรการตรวจสอบบุคคลที่มาจากพื้นที่เสี่ยงอย่างเข้มข้น หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ผู้ป่วยปกปิดข้อมูลเจ้าหน้าที่รายนี้ขึ้น โดยบุคคลที่มาจากพื้นที่เสี่ยงจะต้องเข้ารายงานตัวที่ รพ.สต. ผู้นำชุมชนและ อสม.ของหมู่บ้านเพื่อเป็นการเช็คข้อมูลว่ามาจากในพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ โดยห้ามปกปิดข้อมูลอันเป็นข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งหากมารายงานตัวกับผู้นำชุมชนแล้ว ทางกลุ่มผู้นำชุมชน และ อสม.จะได้ ตรวจเช็ค ตามมาตรการของสาธารณสุขกำหนด และลงรายละเอียดถึงที่มาที่ไปเพื่อเป็นการตรวจเช็คข้อมูลว่ามาจากพื้นที่เสี่ยงหรือไม่
ด้านนางสิน น้อยธง อายุ 61 ปี ชาวบ้าน ม.11 ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา แม่ของหญิงวัย 22 ปี ผู้ป่วยรายที่ 580 ของจังหวัดนครราชสีมา เล่าให้ฟังว่า ผู้ป่วยรายที่ 580 ซึ่งเป็นลูกสาวของตนเอง โทรมาหาแล้วบอกว่ามีอาการไอ ขมคอ ไม่มีอาการไข้และหายใจไม่อิ่ม ตนเองจึงบอกให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ลูกสาวบอกว่าไม่เคยเข้าโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เลย ตนเองจึงแนะนำบอกว่าให้เดินทางมาตรวจที่จังหวัดนครราชสีมา แต่ระหว่างทางหากไม่ไหวก็ให้แวะตรวจที่โรงพยาบาลใกล้เคียงก่อน หากเขาตรวจเจอก็จะได้ทำการรักษา ตนเองยอมรับว่า ในระหว่างที่ลูกสาวเดินทางมาจากกรุงเทพฯนั้นไม่ได้เข้าไปแจ้งกับทาง ผู้นำชุมชน และ อสม. ถึงการเดินทางเข้าพื้นที่ของลูกสาว ด้วยความที่กะทันหันและฉุกละหุก ตนเองเป็นห่วงลูกก็เลยไม่ได้เข้าไปแจ้ง ถึงรายละเอียดของการเข้าพื้นที่ ตนเองกับลูกสาวก็มีกันโทรคุยกันเป็นระยะระยะ โดยให้ลูกสาวขับรถไปที่โรงพยาบาลโดยตรงเลยไม่ต้องแวะมาที่หมู่บ้าน เพราะรู้ว่าลูกสาวมาจากพื้นที่เสี่ยงจึงห่วงความปลอดภัยของคนในพื้นที่ และครอบครัวจึงแนะนำให้ลูกสาวขับรถเข้าตรงที่โรงพยาบาลเสิงสางเลย.
///ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา