“สุวัจน์” กราบพระนอน 1,300 ปี
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โคราช
วันที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลา 10.30 น.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายอุทัย มิ่งขวัญ ประธานสภาเทศบาลนคนครราชสีมา นายสมบัติ กาญจนวัฒนา อดีตประธานสภา อบจ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ กาญจนวัฒนา อดีตกำนันโคกกรวด นายอนุชา ตั้งพาณิชย์ นายอำเภอสูงเนิน
พร้อมทีม สจ.สท.พรรคชาติพัฒนา ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนชาวโคราช ร่วมกันทำพิธีสักการะบูชาพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอนหินทราย อายุกว่า 1,300 ปี) พร้อมถวายสังฆทานพระภิกษุสงฆ์วัดธรรมจักรเสมาราม ต.เสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
หลังจากนั้น ได้มอบถุงน้ำใจให้ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ต.เสมา ต.บุ่งขึ้เหล็ก ต.โคราช ต.กุดจิก ต.โนนค่า ต.สูงเนิน ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ผมมาเยี่ยมเยียนด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนชาวสูงเนิน ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม 7-8 หมู่บ้าน 1,600 ครอบครัว สาเหตุจากพายุ “คมปาซุ” ถล่มไทยส่งผลให้น้ำลำน้ำบริบูรณ์ ลำตะคลองมีปริมาณมากเออล้นท่วมบ้านเรือบริเวณใกล้เคียง และที่ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน มีความสำคัญมากเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นประวัติศาสตร์ของคนโคราช เป็นจุดกำเนิดของการเป็นเมืองโคราช และเป็นที่ประดิษฐานพระนอน อายุกว่า 1,300 ปี สร้างในสมัยทราวดี พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศให้ความเคารพนับถือสูงสุด
เมื่อผมทราบข่าวว่าองค์พระนอนน้ำท่วม ก็ได้ประสานให้ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายสมบัติ กาญจนวัฒนา อดีตประธานสภา อบจ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ กาญจนวัฒนา อดีตกำนันโคกกรวด เข้าพื้นที่กู้ภัยน้ำท่วมองค์พระ ด้วยการสร้างเขื่อนกั้นน้ำชั่วคราว ขนทรายมา 6 รถพ่วง ชาวบ้านช่วยกันและได้กำลังทหารมา ช่วยโชคดีองค์พระปลอดภัย แสดงให้เห็นว่าความรัก ความสามัคคีเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหา
นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ได้สอบถามความเสียหายจากเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรในตัวองค์พระ ไม่มีความเสียหาย แต่บริเวณโดยรอบบ้างส่วนต้องเปลี่ยนอิฐใหม่ และได้หารือกับกรมศิลปากรว่าจะวางแผนป้องกันน้ำท่วมแบบยั่งยืนอย่างไรเพราะเมื่อปี 2554 ท่วมครั้งแรก มาปี 2564 ท่วมเป็นครั้งที่ 2 จะต้องสร้างเขื่อนคอนกรีต ติดตั้งระบบสูบน้ำถาวรหรือไม่อย่างไร เป็นแนวทางที่จะร่วมมือกันทำงานในการรักษาโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งถือเป็นประตูอารยธรรมเก่าแก่ของอีสาน
“วันนี้ ผมตั้งใจมากราบพระนอน และขอพรท่านให้คุ้มครองพี่น้องประชาชนชาวสูงเนินและชาวโคราชให้รอดพ้นจากภัยน้ำท่วม และโควิด เราต้องร่วมแรง ร่วมใจกันกู้ภัย กู้วิกฤติ กู้เศรษฐกิจ” นายสุวัจน์ กล่าวและบอกว่า
“ผมได้เห็นภาพถ่ายเก่าๆ ตอนนั้นปี 2533 ผมอายุ 33 ปี ลงสมัคร ส.ส.สมัยแรก ได้เบอร์ 16 ไม่คิดว่าจะได้ ก็ได้มากราบพระนอน ขอพรท่านว่าถ้าผมได้เป็นส.ส.โคราชจะรับใช้คนโคราชตลอดไป และผมก็ได้เป็นส.ส.มาตลอด ผมเคารพว่าท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ของคนโคราช ตอนนั้นองค์พระท่านตั้งอยูรกลางแจ้ง ตากแดด ตากฝน ผมได้เรียนท่านชาติชาย จะสร้างอาคารหลังนี้ ท่านเห็นชอบ และให้กรมศิลปากรออกแบบ และท่านชาติชาย มาวางศิลาฤกษ์ เมื่อปี 2535 ตั้งแต่นั่นมา ผมก็เคารพศรัทธาท่านมาตลอดมีโอกาสจะมากราบไหว้ทำบุญกับที่วัดธรรมจักรเสมารามเป็นประจำ” นายสุวัจน์ กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับนายสุวัจน์ ได้
มอบเงินจำนวน 50,000 บาท ให้ทางวัดธรรมจักรเสมา สำหรับเป็นกองทุนดูแลพระนอนในกรณีฉุกเฉิน