นายกฯ เอ่ยปากขอโทษกลางสภาถ้าทำอะไรไม่พอใจ วอนอย่าจ้องทำลายกัน ทำดีก็พูดกันบ้าง
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 2 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ขอความเป็นธรรม ที่ผ่านมายืนยันว่า ทำเพื่อประเทศมาตลอด แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมมองแง่ดีๆเลย การเปิดประเทศ 120 วันนั้น เริ่มเปิดไปแล้วที่จ.ภูเก็ต และจะขยายไปที่อื่นๆ ไม่ต้องการให้ทุกคนขาดความเชื่อมั่น ทุกอย่างต้องเดินหน้า ได้เจรจาความพร้อมด้านท่องเที่ยวกับต่างประเทศและแก้กฎหมายต่างๆ ถ้ายังทำไม่ได้ ก็เปิดเป็นเซกเตอร์ไปก่อน ถ้ายังมีโรคระบาดอยู่ จำนวนนักท่องเที่ยวย่อมน้อยเป็นปกติ
ส่วนเรื่องจีดีพีไม่มีประเทศใดมีจีดีพีสูงแล้วมาเปรียบเทียบประเทศไทยไม่มีอะไรดีเลย ตนลดดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้ ถ้าคิดว่าเก่งจริงทำไมไม่ทำให้จบในรัฐบาลท่าน หรือเรื่องซอล์ฟโลนอาจต้องใช้เวลาแก้ไข เพราะสั่งสมมานาน ไม่ใช่มาหาเสียง แต่นี่คือเวทีช่วยแก้ปัญหา ตนฟังทุกฝ่าย แต่ไม่เคยเรียกใครไปที่บ้าน ไม่เคยมีแขกไปที่บ้าน10 กว่าปีแล้ว ไม่เคยไปเที่ยว นอกจากไปทำงาน แต่สิ่งที่ฝ่ายค้านพูด ไม่มีข้อเท็จจริง ข้อมูลบิดเบือน อย่างเรื่องต่างประเทศก็ดำเนินนโยบายอย่างสมดุลระหว่างทุกมหาอำนาจ จะหาว่า ตนไปเป็นเมืองขึ้นใคร เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร พูดแบบนี้เสียเกียรติภูมิประเทศ ในเวทีต่างประเทศ ตนไม่เคยน้อยหน้าใครในศักดิ์ศรีของประเทศ ได้รับการตอบรับจากผู้นำหลายประเทศ หลายคนพยายามบ่อนทำลายความเข้มแข็งลักษณะนี้
พร้อมขอความร่วมมือฝ่ายค้าน อย่าทำให้คนแตกแยก เรื่องการชุมนุมก็บอกว่าถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าถูกจริง ใครจะไปทำอะไรได้ และเป็นเรื่องไม่สมควรเลยที่มีส.ส.บางคนไปอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ตนก็กลัวกฎหมาย กลัวการทุจริต เพราะมีตัวอย่างถูกลงโทษให้เห็นเรื่องการหนีคดี ไม่ต้องมาขู่ ตนเคารพกระบวนการยุติธรรม อย่าขู่บ่อยนัก อย่าบอกรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน แต่ต้องหาวิธีเหมาะสมดำเนินการ ไม่ใช่ขออะไรมาได้หมด ตนมีมาตรการผ่อนคลายให้ตลอด หลายอย่างอย่าให้ดราม่ามากนัก เอาข้อมูลโชเซียลมาพูด ต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้ดี ขอให้เข้าใจการทำงานว่า รัฐบาลต้องทำงานแก้ปัญหาเดิมที่หมักหมมยาวนาน วันนี้มาเจอโควิด ก็ต้องแก้โควิดด้วย จะบอกไม่มีอนาคตได้อย่างไร อย่าทำลายความเชื่อมั่นไปหมด ส่วนการกู้เงินเมื่อมีความจำเป็นก็ต้องกู้ แต่กู้มาแล้วทำให้เกิดเป็นเม็ดเงินกี่โครงการให้ไปดู เมื่อเทียบกับ6-7ปีที่แล้ว 7ปีเราทำโครงสร้างพื้นฐานทุกอย่าง ไม่ใช่คิดกู้แล้วจะไม่หาเงินมาผ่อนชำระ ตนต้องดูแลคนทั้งประเทศ อย่าฉวยโอกาสช่วงสถานการณ์วิกฤติในเรื่องขบวนการประชาธิปไตย
สำหรับการฟื้นตัวประเทศอาจช้าลง เพราะรายได้ประเทศส่วนใหญ่มาจากท่องเที่ยวที่ลดลงจากโควิด “ผมเสียใจและขอโทษ ถ้าทำอะไรให้ไม่พอใจ เป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ใช่วิธีแยบยลมาบ่อนทำลายกัน ผมนับถือหลายคนเป็นคนดี รักประเทศ แต่บางคนรักตัวเองมากกว่า ขอให้เลิกซะที ขอให้นึกถึงประเทศ อย่าคิดจ้องทำลายกันทุกวัน อะไรที่รัฐบาลก่อนทำไว้ดี ผมก็พร้อมทำต่อ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
และมั่นใจว่า ภายใน4-5ปี ประเทศไทยจะเห็นหน้าเห็นหลังแน่นอน โครงสร้างต่างๆที่ทำไว้จะเห็นผล ส่วนเรื่องวัคซีนก็พร้อมฉีดให้ภายในปีนี้ และจะได้วัคซีนครบ ไม่อยากให้วัคซีนเป็นสินค้าที่เป็นข้อขัดแย้งทางการเมือง ด้อยค่าเขากันไปเรื่อย แล้ววันหน้าจะได้ไหมวัคซีน วันนี้ทุกคนฉีดมาก็ปลอดภัย เราเอาเข้ามาหมด ต้องทำตามขั้นตอน มีให้ฉีดก็ด้อยค่า ให้ฉีดใหม่ก็หวาดระแวง อย่าเอาโชเชียลมาสู้กับตน ให้เอาข้อเท็จจริงมาสู้ กัน
สำหรับการอภิปรายวันนี้ สีสันช่วงหนึ่งคือการอภิปราย ของ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุ ในช่วงท้ายว่า ไม่สามารถไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ได้อีกต่อไป ขอให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดเถอะครับให้ความหวังให้ประเทศไทยเดินหน้าได้อีกครั้ง หยุดเหยียบเบรคประเทศและให้คนอื่นมาเหยียบคันเร่งประเทศไทย
จากนั้นส.ส.พรรคเพื่อไทยได้พร้อมใจกันชูป้าย รูปหน้าพล.อ.ประยุทธ์ ในลักษณะที่ถูกคาดตาสีดำพร้อมเขียนข้อความทับด้วยอักษรสีแดงว่า “หยุดยุทธ์”