ราชทัณฑ์ เผย ทักษิณ เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่วิตกกังวล แยกขังแดน 7 จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชม.ระบุเหตุผลตรวจสุขภาพพบเป็นกลุ่มเปราะบางและมีโรคประจำตัวต้องเฝ้าระวัง
กรมราชทัณฑ์ แถลงรายละเอียดขั้นตอนการรับตัวนายทักษิณ ชินวัตร เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากรับตัวนายทักษิณเสร็จสิ้นแล้วทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตั้งแต่การไปรับตัวที่สนามบินจนส่งตัวเข้าเรือนจำ
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ดำเนินการ 3 ประการ คือ 1.ดูแลเรื่องความปลอดภัยของนายทักษิณเป็นหลัก ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ อาหารและการเข้าเยี่ยม 2. นายทักษิณ อาจมีคนเข้าเยี่ยมจำนวนมาก เรือนจำจึงจัดสถานที่ให้เข้าเยี่ยมเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และ 3. นายทักษิณมีอายุ 74 ปี จึงต้องดูเรื่องสุขภาพอนามัยเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ซึ่งได้ทำประวัติและตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ขณะที่นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า การรับตัวนายทักษิณ ดำเนินการตามมาตรการรับตัวคนเข้าใหม่ โดยจัดทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพโดยแพทย์ของ รพ.ราชทัณฑ์ พบว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวังและรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องตรวจติดตามโดยแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งขณะนี้ได้แยกคุมขังนายทักษิณไว้ที่แดน 7 เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชม.
ด้านนายวัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ระบุว่า สำหรับนายทักษิณ มีประวัติโรคประจำตัว เป็นโรคหัวใจ โดยมีภาวะโรคหัวใจขาดเลือด ติดตามการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด รับประทานยาละลายลิ่มเลือดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางปอด มีประวัติเป็นปอดอักเสบรุนแรงจากภาวะโควิด แม้จะรักษาหายแล้ว แต่ยังพบภาวะผังผืดในปอด ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ซึ่งทั้งโรคหัวใจและโรคปอดจำเป็นต้องเฝ้าระวังและได้รับการดูแลโดยบุคลากรการแพทย์ เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลง
ขณะเดียวกันยังมีความดันโลหิตสูง อยู่ระห่วางการควบคุมและรักษาโดยการรับประทานยา ซึ่งตรวจวันนี้ ยังมีภาวะความดันโลหิตผิดปกติ รวมถึงภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับ กดดับเส้นประสาท ส่งผลให้มีอาการปวดเรื้อรัง การเดินและทรงตัวที่ผิดปกติ
ทั้งนี้ จากประวัติข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับและการตรวจร่างกายโดยทีมแพทย์ เห็นว่านายทักษิณเป็นกลุ่มเปราะบาง ตามแนวทางปฏิบัติของเรือนจำทั่วประเทศ กลุ่มเปราะบางจำเป็นจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่เฝ้าระวังใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัย กรณีที่มีอาการเจ็บป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันท่วงทีเพื่อลดการสูญเสีย
ด้านนายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ในส่วนของการปฏิบัติ หลังจากรับตัวเสร็จก็จะจำแนกไปอยู่ตามลักษณะของผู้ต้องขัง หากเป็นกลุ่มเปราะบางจะต้องมีแดนสถานพยาบาล สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ จะเป็นเช่นเดียวกับคนอื่น ไม่ว่าเป็นอาหาร การทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงสิทธิในการพบทนาย การเยี่ยมญาติ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ สำหรับมาตรการดูแลในกลุ่มเปราะบางจะยึดหลักความปลอดภัย มีอาหารของเรือนจำ แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่อยู่ข้างในอาจจะใช้ระบบของการสงเคราะห์ เช่น ระบบร้านค้า ซึ่งจะมีรายการอาหารที่เหมาะสมต่อสุขภาพ อาจจะใช้เงินซื้อได้วันละ 500-600 บาท คนข้างในทุกคนสามารถเลือกบริโภคได้ เพราะเราไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อลิดรอนเรื่องสุขภาพ
ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า อาการของนายทักษิณเป็นปกติ ไม่มีอาการวิตกกังวล ไม่ได้ร้องขออะไรพิเศษ ในส่วนของทรงผมถ้าไม่ยาวก็จะไม่ตัด ไม่ใช่กล้อนผมอย่างนักโทษทั่วไป เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ และเป็นผู้สูงอายุ การขั้นตอนการกักตัวจะอยู่ในอาคารสถานพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จัดให้อยู่คนเดียว ไม่ปะปนกับคนอื่น เมื่อครบ 10 วันตามกำหนด ต้องดูว่า ผบ.เรือนจำจะจัดอย่างไร แต่จะต้องดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ต้องดูว่าต้องอยู่เดี่ยว หรือผู้ต้องขังที่เป็นอาสาสมัครเข้ามา ซึ่งทางเรือนจำจะต้องพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้งต้องเฝ้าระวังไม่ให้ติดโควิด-19 อีกครั้ง
นายสิทธิ สุชีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า มาตรการเยี่ยมของทางเรือนจำ เบื้องต้นตามมาตรการกักตัวจะต้องกักตัว 10 วัน โดย 5 วันแรกจะเป็นแบบเข้มข้น จะอยู่ในห้อง มีแต่ทนายความตามกฎหมายเท่านั้นที่จะพบได้ แต่ในช่วง 5 วันหลังจะเป็นการผ่อนปรน อนุญาตให้ญาติเยี่ยมได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ไลน์ ได้
สำหรับขั้นตอนการทำเรื่องอภัยโทษผู้ต้องขังสามารถยื่นเรื่องได้ทันทีภายหลังเข้าเรือนจำ โดยนายทักษิณ หรือญาติยื่นเอกสารให้ทางเรือนจำจากนั้นคณะกรรมการพิจารณาส่งเรื่องไปยังกรมราชทัณฑ์และจะพิจารณาก่อนส่งไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีลงนาม และยื่นถึงสำนักองค์มนตรี โดยนายทักษิณ ยื่นขออภัยโทษเป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้กระบวนการจะเสร็จสิ้นไม่เกิน 2 เดือน