นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าการขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จำนวน 3 ฉบับ เพื่อกู้เงินแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจ ด้วยกระบวนการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญกำหนด มาตรา 123 กำหนดให้ใช้เสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ เข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภาให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญได้ แม้เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และหากลงชื่อครบ อำนาจการตัดสินใจว่าจะเปิดหรือไม่เปิดประชุมวิสามัญ ไม่ใช่ของประธานรัฐสภา ดังนั้นในการพิจารณานั้นจะขึ้นอยู่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลมีฐานในการตัดสินใจ
“พระราชกำหนดเงินกู้ทั้ง 3 ฉบับ ตามมาตรา 172 แห่งรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ชัดว่าต้องนำส่งให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติโดยไม่ชักช้า ซึ่งวันที่ 22 พฤษภาคม ที่จะครบกำหนดเปิดประชุมสภาฯ สมัยสามัญ ถือว่าไม่ชักช้า และการรอีก 1 เดือนไม่ถือว่าชักช้าแต่อย่างใด เพราะกระบวนการต่างๆ ได้ระบุไว้ชัดในรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อถึงเวลานำพระราชกำหนดเข้าที่ประชุม ฝ่ายค้านก็สามารถใช้สิทธิ์แสดงเหตุและผลได้อย่างเต็มที่ว่าจะอนุมัติหรือไม่” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจถึงความต้องการสะท้อนมุมมองของส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เปิดประชุมได้ ช่องทางที่ดีที่สุดคือฝ่ายค้านสรุปความเห็นจาก ส.ส. ของแต่ละพรรคแล้วนำเสนอเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่านผู้นำฝ่ายค้านเพื่อให้เสนอต่อรัฐบาล ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น ได้สะท้อนการแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยส่งผ่านไปยังรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นระยะแล้ว.