สุวัจน์ จัดใหญ่ ปิดภัตตาคารอาหารจีน กลางโคราช รับคณะ ทักษิณ 400 คน
ขณะนายใหญ่ ปูด สุวัจน์ จ่อเข้าพรรคเป็นกำลังหลักเพื่อไทย
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 25 พ.ค. ที่ภัตราคารอาหาร เสียว เสี้ยว จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ปิดภัตตาคาร 40 โต๊ะ กว่า 400 ที่นั่ง เลี้ยงตอนรับคณะของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โอกาสเยือนจังหวัดนครราชสีมา ทันทีที่นายทักษิณเดินทางมาถึงร้านอาหาร นักร้องได้ร้องเพลง เกิดมาเป็นนักสู้ ที่เป็นเพลงที่นายทักษิณเคยร้อง จากแดนไกลที่ตนต้องไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งระหว่างนั้นนายทักษิณ ได้ร้องตามไปด้วย
จากนั้น นายสุวัจน์ ได้กล่าวตอนรับ โดยชมว่า จังหวัดนครราชสีมา ได้รับการพัฒนามาเป็นเมืองใหญ่ในทุกวันนี้ ฝาก 2 นายกรัฐมนตรีคือ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ นายทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะถ้านึกถึงท่าน ชาติชาย ท่านทําอยู่สามเรื่อง คือ
การก่อสร้างถนน 4 เลน สระบุรี-โคราช การก่อสร้างมหาวิทยาลัยสุรนารี และการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม ฉะนั้น 3 สิ่ง ที่ท่านชาติชาย ได้ตอกเสาเข็มไว้ คือ การคมนาคม การศึกษา และอุตสาหกรรม ก็นําไปสู่นโยบาย แปลงสนามรบ เป็นสนามการค้า โคราชเป็นประตูสู่อีสาน แล้วโคราชก็เจริญเติบโต มาจนกระทั่งวันนี้
และอีกท่านหนึ่งที่มีส่วนสําคัญในการพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา ก็คือ นายทักษิณ ชินวัตร โดยสมัยนายทักษิณฯ เป็นนายกรัฐมนตรี และตนเป็นรองนายกฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 2,200 ล้านบาท สร้างสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ จ.นครราชสีมา และอนุมัติให้จัดแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ จ.นครราชสีมา จนได้เป็นเจ้าซีเกมส์ และยังอนุมัติงบอีก 2,000 กว่าล้านบาท สร้างระบบน้ำประปา ส่งตรงมาจากเขื่อนลำตะคอง และเขื่อนลำแชะ ชาวโคราชจึงขอขอบพระคุณอดีตนายกทักษิณฯ เป็นอย่างสูง
นอกจากนี้ ปัจจุบันโคราชมีซอฟต์พาวเวอร์หลายอย่าง ที่จะมอบให้ท่านจากใจชาวโคราช เช่น รูปหล่อย่าโม ทุเรียนจีไอปากช่อง ส้มโอสูงเนิน ไก่ย่างท่าช้าง เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ไก่กะเต๊ดโนนไทย ขนมจีนประโดก ลาบสมพิศ กาแฟดงมะไฟ ไวน์ปากช่อง เป็นต้น .แล้ววันนี้ก็ได้ฝากฝังสินค้าซ้อเพาเวอร์มากมาย ในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้ช่วยผลักดันต่อ
โดยนายสุวัจน์ ได้มอบองค์หล่อจำลองย่าโม รุ่น 555 และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้มอบพระชัยเมืองฯ รุ่น 197 ปี วัดศาลาลอย จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ บรรดา สส.รวมไปถึง สจ.และภาคเอกชน ได้มอบของดีเมืองโคราช ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลไม้ ของใช้ เช่น ผ้าไหมปักธงชัย และเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ที่ทั้ง 2 อย่างเป็นสินค้าที่ได้รับมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย (GI) รวมไปถึงกางเกงแมวโคราช
จากนั้น นายทักษิณ กล่าวว่าวันนี้อบอุ่น ที่ได้รับการต้อนรับและของที่ระลึกมากมาย ไม่ได้พูดนาน ถ้าพูดไม่เป็นจึงขอใช้หัวใจพูด วันนี้ขอชื่นชม ในเมืองมีระเบียบดี และทำให้คิดถึง ครั้งแรกที่มากราบย่าโมตอนอายุ 16 เขาบอกว่าลอดประตูชุมพลจะได้กลับมาอีก นึกว่าจะไม่ได้กลับมา หายไป 18 ปีก็ได้มาใหม่ ที่ผ่านมาประเทศไทย เดินหน้าเศรษฐกิจ ทุนนิยมตามฝรั่ง ที่กำหนดเป็นเศรษฐกิจที่ขาดความเห็นใจ เพราะหลักของมันคือปลาใหญ่กิน ปลาเล็ก ปลาเร็วกินปลาช้า แต่คนบ้านนอกทั้งตัวเล็กและช้าจึงโดนกินมาตลอด เพราะเราบริหารโดยไม่เข้าใจพื้นฐานของคนที่ด้อยโอกาส
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ถึงเวลาที่ประเทศไทย ต้องคิดถึงคนส่วนใหญ่ มากกว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด เช่น เราพยายามทำอุตสาหกรรมที่มีกำไร 10-20% สุดท้ายไปบี้ค่าแรง คนยิ่งจนหนักเข้าไปใหญ่ ต่างประเทศ ทำกำไร 1000 -5,000 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ค่าแรงงานไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือสมอง ต้องหาคนสมองดีมาช่วยกัน บ้านเรามีคนสมองดีเยอะ แต่เหมือนมีดที่ไม่ได้ลับสนิมเลยเกาะ ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องให้โอกาส คำว่าโอกาสเป็นคำเดียวเท่านั้น ที่จะพลิกฟื้นประเทศไทยได้ ถ้าสร้างโอกาสให้คนไทยไม่เป็นก็จะลำบากต่อไป
วันนี้ ตนดีใจที่มาพบเพื่อนๆ คนเก่าคนแก่ อย่างนายสุวัจน์ รู้จักกันมาตั้งแต่พรรคปวงชนชาวไทย และนายสุวัจน์เป็นคนซื่อ และรัก พลเอกชาติชาย มากรู้สึกว่าพรรคชาติพัฒนา เหมือนมรดก ที่ต้องดูแลต่อยังอยู่ที่พรรคชาติพัฒนา และอีกคนที่ต้องขอบคุณคือ นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรมช.คมนาคม ที่วันนี้มีลูกเป็นรมว. วัฒนธรรม นายวีระศักดิ์ ทำการเมืองที่โคราช ลูกหลานเป็นสส. กันหมดมีภรรยาเป็นนายกอบจ. ทำให้เห็นว่าเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก ถือเป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทย
“เดี๋ยวนายสุวัจน์ ก็จะมาเป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทย” ทำให้เรียกเสียงฮือฮาของผู้ร่วมงาน จากนั้นนายทักษิณกล่าวต่อว่า ที่ตนพูด พูดแทนลูก เพราะน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ตนลิปซิงค์ เนื่องจากอายุน้อย ไม่กล้าชวนตรงๆ เลยบอกให้พ่อลิปซิงค์ และขอขอบคุณ ทุกท่านที่ให้เกียรติมาต้อนรับและมาทานข้าวด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่นายทักษิณ พูดชักชวนนายสุวัจน์บนเวที น.ส.แพทองธารที่นั่งอยู่ด้านล่างได้กระซิบว่า “ชวนหลังไมค์แล้ว”
โดยภายหลังจากรับประธานอาหารเสร็จ นายทักษิณ ได้เดินมาทักทายสื่อมวลชน พร้อมพูดแซวว่า “ทำไม ยังไม่กลับบ้านกันอีก” เมื่อถามว่ากรณีที่จีบนายสุวัจน์ ต้องยกขันหมากมาขอหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ผมพูดกับอากาศ” พร้อมยิ้ม