“สุวัจน์”หนุนตั้ง คกก.สมานฉันท์
เชื่อสันติภาพเกิดจากการเจรจา
วันที่ 31 ต.ค. 2563 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวที่ จ.นครราชสีมาถึงความร้อนแรงสถานการณ์การเมืองการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อความปรองดอง โดยเฉพาะมีการพุ่งเป้าที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับม็อบกลุ่มราษฏร 63 ผสมโรงโดยพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกเพื่อยุติปัญหานั้นว่า การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ตนเชื่อว่าสันติภาพทุกอย่างมาจากการเจรจา และบทบาทเรื่องนี้ถ้าสภาฯได้เป็นผู้เริ่มต้นในการให้มีคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อมาหาทางออกเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีอะไรขาดทุนและไม่มีอะไรเสีย ไม่ประสบความสำเร็จก็เท่าทุน แต่ถ้าเกิดประสบความสำเร็จสักเรื่องหรือสองเรื่องมันก็ลดความขัดแย้งลงมาได้ ฉะนั้นความสำเร็จ ฉะนั้นเป็นเรื่องที่เราก็พยายามให้เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่เกิดคณะกรรมการชุดนี้แล้วจะทำให้ได้รับความเชื่อถือและเกิดความหวังหรือไม่มันขึ้นกับองค์ประกอบถ้ามีความชอบธรรมที่มาจากสภาฯ และมีตัวละครหรือ Stakeholders ผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ทีส่วนได้เสียมาอยู่ในนี้ให้ครบ และก็มีความตั้งใจ มีความจริงใจจริงๆ ที่จะให้คณะกรรมการชุดนี้เป็นเวทีหาทางออก และต้องมีแผนมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่า คณะกรรมการชุดนี้จะศึกษาและหาทางออก จะพูดคุยกันให้จบภายในเร็ววันเมื่อไหร่ และมีแนวทาง มีแผนปฏิบัติที่ต้องชัดเจน เพื่อทำให้สังคมมีความเชื่อถืออันนี้มีความสำคัญมาก
แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า เราเคยมีคณะกรรมการลักษณะนี้มา 3-4 ชุดแล้วในอดีต แต่ว่าไม่ค่อยมีการนำผลของข้อสรุปของคณะกรรมการแนวทางนี้มาใช้ หรือมาปฏิบัติให้เกิดความสำเร็จ ตนว่าวันนี้วิกฤติของบ้านเมือง เรามีวิกฤติเศรษฐกิจ และยังมีวิกฤติความเห็นที่ต่างกัน ฉะนั้นการมีความคิดเห็นดีๆ ช่วยออกมาให้ข้อคิดเห็นจากประสบการณ์ของแต่ละคน ใจกว้างพอที่จะรับฟัง ใจกว้างพอที่ช่วยกันรับฟังข้อคิดเห็น และเสียสละ ตนคิดว่าจะทำให้สังคมค่อยๆปรับตัวไปสู่ความเรียบร้อย ความขัดแย้งก็ลดลงไป ฉะนั้นถ้าจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการฯก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยและเป็นเรื่องที่ดี แต่ขอว่ามีไทม์ไลน์ให้ชัดเจน ดึงตัวละครที่เกี่ยวข้องมาให้มากที่สุด อย่ามีทิฐิกัน และมา brainstorm หาทางออก ถอยกันคนละก้าว ได้ข้อสรุป-แนวทาง-แผนปฏิบัติที่ชัดเจน และเชื่อว่าจะช่วยลดความชัดแย้งได้ อย่างน้อยก็สบายใจว่านี่คือหลักการในระบอบประชาธิปไตย โดยสภาฯเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและแกนนำหรือตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องเข้าในคณะนี้ด้วยนั้น ตนว่าก็ต้องแล้วแต่ออแกไนเซอร์ สมมุติให้สภาบันพระปกเกล้าเป็นออกแกไนเซอร์ก็ต้องไปดีไซน์ออกแบบว่าใครบ้างที่จะเข้ามาอยู่ในนี้ และก็ต้องมีวิธีการในการเชื้อเชิญเพื่อให้เกิดความร่วมมือ และยิ่งหลายฝ่ายที่อยากจะแสดงความคิดเห็นหรือเสนอข้อคิดเห็นว่าสังคมไทยยังไม่เรียบร้อยอย่างไร หรือยังเหลื่อมล้ำอย่างไร เรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ตนว่าถ้ามากันหลายๆฝ่าย และเป็นตัวแทนที่มีความชอบธรรม และทุกคนมาร่วมกันระดมความคิดเห็นช่วยกันหาทางออก ฉะนั้นตนเชื่อว่าสันติภาพมาจากการเจรจา ไม่มีอะไรเสีย และอยากให้กำลังใจ และถึงแม้ว่าไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ต้องท้อถอย แต่ตนเชื่อว่าก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง แล้วยิ่งถ้ามีความจริงใจ มีความชอบธรรมจากสภาฯเป็นผู้ก่อกำเนิดคณะกรรมการชุดนี้เชื่อว่าหลายฝ่ายก็อยากจะให้ความร่วมมือก็เสียสละกันบ้าง
ตนคิดว่ามาช่วยกันพูด มาช่วยกันคุย มีเวทีอย่างนี้เป็นการหาทางออกในการคลายวิกฤติให้กับประเทศได้ หรืออย่างรัฐธรรมนูญที่จะลงมติกันในเรื่องการแก้ไข รธน. ถ้ามีความชัดเจนว่า รธน.จะได้ข้อสรุปอย่างนี้ จะแก้ไข รธน.อย่างนี้ และการแก้ไขจะอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรม สมมุติที่ข่อสรุปเรื่อง ส.ส.ร.แล้วนำไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนแล้วมาเขียน รธน.ฉบับใหม่ ซึ่งมันก็มีพื้นฐานของการยอมรับ ฉะนั้นเมื่อ 1-2 วันที่จะประชุม ถ้าเกิดสภาฯให้ความเห็นชอบ และทุกฝ่ายตรงกัน มีการแก้ไข มี ส.ส.ร.เป็นพื้นฐาน และตรงกับสิ่งมที่สังคมต้องการ ตนว่าการที่สภาฯให้ความเห็นชอบเรื่อง รธน.ก็มาคลายวิกฤติ ลดความขัดแย้งในสังคมได้ ฉะนั้นอะไรที่เราสามารถสร้างความชัดเจนให้เร็วที่สุดเป็นเรื่องที่ดี อย่าช้า และต้องชัดเจน เพื่อให้เหมือนว่า เราทำกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นแต่ว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่มีความตั้งใจที่จะทำให้ปัญหาของประเทศจบลงด้วยดี
ส่วนที่มีการระบุว่ายื้อเวลา ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและพรรคเพื่อไทยต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกก่อนถึงจะเดินหน้าได้นั้น ตนคิดว่าเรื่องนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้ชี้แจงในที่ประชุมแล้ว ข้อเรียกร้องบางข้อก็อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนรวม เป็นเรื่องของบุคคลของละคน แต่ว่าโดยภาพรวมของประเด็นถ้าเรามาร่วมมือกันหาทางออกให้ความคิดเห็น ใจกว้างที่จะรับฟังความคิดเห็น ใจกว้างที่จะช่วยกันออกความคิดเห็น และเสียสละกันบ้าง หรืออาจะไม่ได้เต็มที่ ถอยกันคนละก้าวก็น่าที่จะเป็นเรื่องที่ดี