10 ก.พ.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร เปิดเผยกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองรักษาการณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ควบคุมตัว ร.ต.อ.เอกชัย เพ็งจันทร์ รอง สารวัตรฝ่ายธุรการและกำลังพล บก.อก.บช.ส.ส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดี ขณะก่อเหตุใช้ไขควงงัดรถยนต์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 เวลาประมาณ 05.00 น. ส.ต.ท.อนุสรณ์ บุษบาบาล ตรวจความเรียบร้อยที่ลานจอดรถบริเวณด้านหน้าอาคารพิสูจน์หลักฐาน (อาคาร 16 ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบ ร.ต.อ.เอกชัย เพ็งจันทร์ ผู้ต้องหา (ทราบชื่อสกุลภายหลัง) กำลังทำการงัดแงะรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ภจ-3641 กรุงเทพมหานคร ของ ส.ต.ท.อนุสรณ์ฯ ทำให้กระจกบานใหญ่ด้านหน้าและกระจกประตูด้านหลังฝั่งขวาแตกเสียหาย ส.ต.ท.อนุสรณ์ฯ จึงเข้าไปแสดงทำการตรวจสอบและสอบถาม ร.ต.อ.เอกชัยฯ รับสารภาพกำลังลักทรัพย์สินภายในรถยนต์คันดังกล่าวจริง ส.ต.ท.อนุสรณ์ฯ จึงได้ประสานให้เจ้าที่ตำรวจกองรักษาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการเข้าตรวจค้นตัว โดยก่อนการตรวจค้นตัวได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว ร.ต.อ.เอกชัยฯ จึงยินยอมให้ทำการตรวจค้นพบไขควงสีเขียวอยู่ในมือข้างขวา
จากการสอบถาม ร.ต.อ.เอกชัยฯ ให้การรับสารภาพว่าได้ลักเอารองเท้าคอมแบท จำนวน 1 คู่และรองเท้าผ้าใบจำนวน 2 คู่ออกมาจากรถยนต์คันดังกล่าวและวางไว้ที่บริเวณด้านท้ายของรถยนต์คันดังกล่าวและได้ลักเอายางอะไหล่รถยนต์ 1 เส้น และ พระเครื่องเหลี่ยมพลาสติกพร้อมสร้อยเชือก จำนวน 1 เส้น ออกมาจากรถยนต์คันดังกล่าว แล้วนำไปเก็บรักษาไว้ภายในรถยนต์ กระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบลอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน บธ-8959 กาญจนบุรี ของตน ที่จอดไว้ใกล้เคียงกันภายในลอนจอดรถไว้ก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมตัวได้ และยังให้การรับสารภาพว่าได้ลักเอาเครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ จำวน 3 ตัว , .เครื่อง Baseline Switch 2250 plus(3 com) จำนวน 1 ตัว , .เครื่อง Switch ยี่ห้อ D-Link จำนวน 1 ตัว , .เครื่อง Switch 3 com ตัวเล็ก จำนวน 1 ตัว , เครื่อง Mainboard Print จำนวน 1 ตัว และ 6. ตลับม้วนเทป จำนวน 5 ตลับ มาจากบริเวณชั้น 4 อาคาร 6 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วนำมาเก็บไว้ภายในรถยนต์กระบะของตนเองก่อนหน้าที่จะถูกจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ร.ต.อ.เอกชัยฯ และ มีคำสั่งให้ออกจากราชไว้ก่อนแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส โดยพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.เอกชัยฯ ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิด”
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ดำเนินการ สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ โปร่งใส รวดเร็ว เป็นธรรม ซึ่งหากทำผิดจริง ต้องเอาโทษให้ถึงที่สุด ทั้งทางวินัยและทางอาญา อย่างเด็ดขาด โดยจะต้องรับโทษหนักกว่าบุคคลธรรมดา เพราะว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับทำผิดเสียเองและจะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้อย่างแน่นอนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าวและจะไม่เลี้ยงคนประเภทนี้ไว้อยู่แล้ว ก่อเหตุภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เคารพต่อเกียรติของตำรวจ และ กำชับให้กองกำกับการตำรวจสันติบาล 3 เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย สอดส่อง ตรวจตรา ความสงบเรียบร้อย รวมไปถึง มาตรการในการป้องกันเหตุ โดยเน้นย้ำ อย่าให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก และได้กำชับกองบัญชาการทุกภาคส่วน ให้กำกับ ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัด อย่างใกล้ชิด คอยสอดส่อง ดูแล ให้ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น