
ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา
ชาวบ้านประท้วงที่พักสงฆ์ ทำประตูกั้นทางสาธารณะเข้าชมโบราณสถานโคกปราสาท ไม่ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้า ปกครองและตำรวจต้องหย่าศึก หวิดปะทะ
นครราชสีมา-(23 เมษายน 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพลับพลา , นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหลุ่งตะเคียน ผู้ปกครองท้องที่ และตัวแทนชาวบ้าน ลงพื้นที่บริเวณถนนเส้นอีสานเขียว ทางเข้าปราสาทหินบ้านหลุ่งตะเคียน(โคกปราสาท) ภายหลังจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นายรุ่งนภา พรรณทองบุตร ผู้ใหญ่บ้านบ้านหลุ่งตะเคียน ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพลับพลา ว่า มีกลุ่มคนเข้ามาสร้างประตูกั้นบริเวณถนนสาธารณะทางเข้าปราสาทหินดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านหวั่น เกรงว่า อาจจะมีการกั้นพื้นที่ไม่ให้ชาวบ้านเข้า ทำให้ปราสาทหินโบราณคู่บ้านคู่เมือง ตกเป็นสมบัติส่วนตัว เพราะก่อนหน้านี้ พื้นที่ดังกล่าวมีข้อพิพาทกรณีที่พักสงฆ์วัดโคกปราสาท ได้บุกรุกเข้าไปก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมคล่อมทับตัวปราสาท และมีสิ่งปลูกสร้างอื่นโดยรอบพื้นที่โบราณสถาน ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรมีคำสั่งให้รื้อถอนกลุ่มอาคารดังกล่าวแล้ว
จากการสอบถาม นายละมุน บังพิมาย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหลุ่งตะเคียน เปิดเผยว่า “ถนนเส้นอีสานเขียว เป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน มายังตัวปราสาทหิน ซึ่งชาวบ้านใช้สัญจรมานานมากกว่า 50 ปีแล้ว โดยหลังจากเริ่มขุดสำรวจตัวโบราณสถานและพบโบราณวัตถุที่ฝังดินอยู่หลายชิ้น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชมและดูการขุดสำรวจปราสาทหินเป็นจำนวนมาก แต่ทางที่พักสงฆ์ได้ทำประตูกั้นบริเวณทางสาธารณะ ซึ่งคาดว่า น่าจะกันไม่ให้ชาวบ้านได้เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ชาวบ้านจึงเกรงว่า ถ้าไม่มีการดำเนินการทางกฎหมาย พื้นที่สาธารณประโยชน์อาจจะตกเป็นสมบัติส่วนตัวของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้
ด้านนายธีรวัฒน์ บัวดก ปลัดอาวุโสอำเภอห้วยแถลง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามข้อร้องเรียน และพบกับตัวแทนชาวบ้านที่ร้องเรียนร้องทุกข์ ซึ่งได้มีการเจรจาพูดคุยกับทางทนายของที่พักสงฆ์ฯ โดยทางทนายอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าว ที่พักสงฆ์วัดโคกประสาทได้เข้าครอบครองอย่างถูกต้อง มีเอกสาร สค.1 ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในชั้นศาล เป็นข้อพิพาทระหว่างที่พักสงฆ์และชาวบ้าน จึงต้องการกั้นพื้นที่ในระหว่างรอผลการตัดสินของศาล ซึ่งหลังจากฟังคำชี้แจง ฝ่ายปกครองอำเภอห้วยแถลงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตัดสินใจร่วมกันให้ทำการรื้อรั้วที่ปิดขวางทางสาธารณะออก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ในระหว่างข้อพิพาท จึงไม่ควรมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดปลูกสร้างสิ่งใดเพิ่มเติม และเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง อันนำมาซึ่งการเผชิญหน้าและเหตุรุนแรง ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่า คดีอยู่ในระหว่างดำเนินการในชั้นศาล แต่ไม่มีเอกสารการขออำนาจศาลมากั้นพื้นที่ นำมาแสดงประกอบ จึงเห็นควรว่า ให้รื้อถอนประตูรั้วที่ปลูกสร้างขวางทางสาธารณะออกไปก่อน จนกว่าการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมจะแล้วเสร็จ .
/////////////