น่าห่วง …โคราช พบไข้เลือดออกและโรคมือเท้าปากระบาดเพิ่มขึ้น 7 เดือน ป่วยไข้เลือดออกกว่า  1,700 ราย เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่โรคมือเท้าปาก พบป่วยเกือบ 500 รายแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก  ควบคุมโรคที่ 9 เตือนชุมชน และสถานศึกษา เร่งป้องกันด่วน

 นครราชสีมา-วันนี้ (5 กันยายน 2566) นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออกใน 4 จังหวัดพื้นที่ดูแล ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ว่า ยังคงน่าห่วง โดยช่วงฤดูฝนปีนี้ มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย สัปดาห์ที่ 35 คือ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31สิงหาคม 2566 พบผู้ป่วยสะสม 73,979 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 76 ราย กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ อายุ 15-24 ปี  รองลงมาคือ 10-14 ปี และ 25-34 ปี ตามลำดับ

 ในขณะที่สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในเขตสุขภาพที่ 9 รายงานสัปดาห์ที่ 35 คือ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม –  31 สิงหาคม 2566 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 5,603 ราย และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย กลุ่มอายุที่ป่วยมากสุดคือ อายุ 10-14 ปี รองลงมาคือ 5-9 ปี และ 15-24 ปี ตามลำดับ   เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า  จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วยมากสุด 2,084 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย รองลงมาคือ จังหวัดนครราชสีมา พบผู้ป่วย 1,743 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย , จังหวัดชัยภูมิ พบผู้ป่วย 928 รายไม่มีผู้เสียชีวิต และจังหวัดบุรีรัมย์ พบผู้ป่วย 848 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย  

 จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ตามมาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ เก็บบ้านให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก , เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ และเก็บขยะในบ้านและโรงเรียน อย่าให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยหากมีอาการไข้สูงลอย ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา หน้าแดง กระหายน้ำ หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว และแขน ขา ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรรีบไปพบแพทย์เข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อทำการรักษาโดยเร็ว

 นอกจากนี้ ในเขตสุขภาพที่ 9 มีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก มีการทำกิจกรรมรวมกลุ่ม ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อ ซึ่งโรคนี้เกิดได้ตลอดทั้งปี แต่จะเพิ่มมากในช่วงฤดูฝน โดยรายงานสถานการณ์โรคมือเท้าปากในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 สิงหาคม 2566 พบผู้ป่วย 32,494 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พบมากที่สุดในอายุ 0-4 ปี รองลงมาคือ อายุ 5 ปี และอายุ 7-9 ปี ตามลำดับ   ส่วนสถานการณ์ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 สิงหาคม 2566 พบผู้ป่วยสะสม 3,041 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งโดยสถานการณ์โรคในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือระหว่างวันที่ 25 มิถุนายน 2566 –  19 สิงหาคม 2566 พบผู้ป่วย 1,454 ราย เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด  พบว่าจังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วยมากสุด  495 ราย , จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 467 ราย ,จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 275 ราย และจังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 217 ราย โดยพบมากที่สุดในเด็กเล็กอายุ 2 ปี รองลงมาคือ อายุ 3 ปี และอายุ 1 ปี ตามลำดับ

 จึงขอความร่วมมือผู้ปกครองหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของลูกหลาน ส่วนผู้ดูแลเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียนอนุบาล ขอให้คัดกรองและสังเกตอาการของเด็กก่อนเข้าเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หากเด็กมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เจ็บปาก ร่วมกับมีอาการตุ่มพองเล็กๆ บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า หรือตุ่มแผลในปาก ควรแยกเด็กป่วยไม่ให้คลุกคลีกับคนอื่นๆ และแจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน หากอาการไม่ดีขึ้นให้พาไปพบแพทย์โดยเร็ว ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

//ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา