สุวรรณชาติ แถลงดัน ตลาดสุรนารี ขึ้นเบอร์ 1 ค้าส่งอีสาน แจงชัดคนแอบอ้างนามสกุลไม่เกี่ยวข้อง

วันที่ 8 กันยายน 2568 เวลา 14.00 น.ตระกูลสุวรรณชาติ เปิดโต๊ะแถลงแผนการดำเนินงานตลาดสุรนารี ก้าวสู่ตลาดค้าส่งอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำโดย นายพิชญ์  สนธิ ทนายความ นางสาวชูศรี สุวรรณชาติ ทายาทของนายสนิท – นางประกอบ สุวรรณชาติ เจ้าของที่ดินตลาดสุรนารี  และทายาทอีก 2 คน ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ สุวรรณชาติ นางสาวปณยา สุวรรณชาติ และนายยุทธการ ถนอมบุญ ทนายความ

นายพิชญ์ สนธิ กล่าวว่า ตลาดสุรนารี แห่งนี้ พร้อมสร้างโอกาสการค้าที่ทันสมัย เป็นฟันเฟื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้คนโคราช มีต้นทุนสินค้าที่ถูกและประหยัด เพื่อเป็นตลาดค้าปลีกแห่งภาคอีสาน ภายใต้การบริหารของ“สุวรรณชาติ”เจเนอเรชั่น ที่ 3“ ในนามบริษัท สุรนารี จำกัดปัจจุบันเน้นการค้าส่งสินค้าราคาถูก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและพ่อค้าแม่ค้าในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว

“ขอให้พ่อค้า แม่ค้า มั่นใจว่าตลาดของเรายังคงอยู่ และจะพยายามหาทางช่วยเหลือในการปฏิบัติการภายใต้ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ให้ทุกคนค้าขายได้เป็นอย่างดี” นายพิชญ์ กล่าว

แต่สิ่งสำคัญที่สุด วันนี้ ตระกูล“สุวรรณชาติ”เป็นตระกูลทำมาค้าขาย ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษและทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพื่อสังคมมาตลอด ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องคดีอาญาหรือทุจริตใด แต่ปรากฏว่า เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ชื่อ“ตระกูลสุวรรณชาติ” ปรากฏอยู่ในคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.จังหวัดนครราชสีมา สร้างความเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูล“สุวรรณชาติ”

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการนำเสนอข่าวสารที่เผยแพร่กันโดยทั่วไปของสำนักข่าวอิศรา ( 8 กย.2568) ทางอินเทอร์เน็ตกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)จังหวัดนครราชสีมาได้แถลงผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ชี้มูลความผิดคดีทุจริตต่างๆ หนึ่งในนั้นได้มีการชี้มูลความผิด นางสำรวย พยอมใหม่ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา กับพวกร่วมกันทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จำนวน 7 โครงการ โดยคดีดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช.
พิจารณาไต่สวนแล้วเห็นว่าการกระทำความผิดของนางสำรวย พยอมใหม่ กับพวกเป็นความผิดอาญา จึงส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีตามขั้นตอนต่อไป

ในคดีดังกล่าวนั้น มีการกล่าวถึงนายสุนทร แพงไพรี หรือ สุวรรณชาติ เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อชื่อเสียงของบุคคลที่ใช้นามสกุล “สุวรรณชาติ” ต่อประชาชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะในจังหวัดนครราชสีมาเนื่องจากตระกูลสุวรรณชาติ เป็นเจ้าของกิจการตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมีชื่อเสียงในการช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด จึงจำเป็นต้องแถลงข้อเท็จจริงมาในวันนี้ ว่านายสุนทร แพงไพรี หรือสุวรรณชาติ ผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวมิใช่บุตรหลานหรือมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ ต่อตระกูลสุวรรณชาติ แม้ในอดีตนายสุนทร แพงไพรี เคยใช้นามสกุลสุวรรณชาติ โดยอาศัยความเป็นบุตรบุญธรรมของนายปรีชา สุวรรณชาติ ซึ่งต่อมาได้ฟ้องร้องการรับรองบุตรบุญธรรม ตามคำพิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2565
พิพากษาให้ยกเลิกการรับรองบุตรบุญธรรม ระหว่างนายปรีชา สุวรรณชาติ กับ นายสุนทร แพงไพรี และมีคำสั่งห้ามมิให้ใช้นามสกุลสุวรรณชาติ อีกต่อไป

ทั้งนี้ ทายาทสุวรรณชาติ ประกอบด้วย นางชูศรี-นายพไศาล-นายไพโรจน์ – นายปรีชา-นางประเพ็ญศรี-นางศรีสมร -นายประสิทธิ์-นางสาวปณยา และนายวิสุทธิ์ สุวรรณชาติ

ด้าน นางสาวชูศรี สุวรรณชาติ หนึ่งในทายาท ยืนยันว่าครอบครัวสุวรรณชาติ ไม่เคยมีความสัมพันธ์ หรือรู้จักสนิทสนมกับนายสุนทร แพงไพรี มาก่อน ดังนั้น ขอประกาศว่า หากนายสุนทร แพงไพรี ยังฝ่าฝืนใช้นามสกุล “สุวรรณชาติ” ทางตระกูลยืนยันว่าจะดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญาอย่างถึงที่สุด

นางสาวปณยา สุวรรณชาติ หนึ่งในทายาทตระกูลสุวรรณชาติ กล่าวถึงแผนการพัฒนาตลาดสุรนารี ว่า วันนี้ครอบครัวเราจะทำตามความฝันของเตี๊ย (นายประกอบ สุวรรณชาติ) ให้เป็นจริง พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสบายใจได้ว่าภายใต้การบริหารของครอบครัวสุวรรณชาติ มุ่งเน้นความเป็นมืออาชีพ ทันสมัย ก้าวสู่การเป็นตลาดค้าส่งอันดับหนึ่งของภาคอีสาน

“ตลาดยังคงเป็นตลาด พ่อค้า แม่ค้า ประชาชนชาวโคราช เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค คือ ของถูกที่สุดในโคราชอยู่ที่นี้ ถ้าพ่อค้า แม่ค้ามีต้นทุนที่ไม่สูงก็สามารถจําหน่ายสินค้าได้ในราคาที่ไม่สูง ไม่ผลักภาระให้ผู้บริโภคซื้อของแพง เป็นประเด็นสําคัญ พวกเรามาจากฐานราก เราเข้าใจถ้าผลักภาระพ่อค้าแม่ค้าแบกภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย สิ่งที่มีผลกระทบต่อไปก็คือ ราคาขายที่จะกระทบต่อประชาชน”นางปณยา กล่าว