“สุวัจน์” เปิดมหกรรมการอนุรักษ์และประกวดพระเครื่องพระบูชาระดับประเทศ จัดขึ้นครั้งแรกที่หัวหิน ชี้เศรษฐกิจสายมู กระตุ้นท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ ยกคำสอน “หลวงพ่อคูณ” ยิ่งให้ยิ่งมี

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นประธานเปิดมหกรรมการอนุรักษ์และประกวดพระเครื่องพระบูชาระดับประเทศ
โดยมี นายสัญญา วิจิตรจินดา ประธานกรรมการบริหารสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพยัพ คพพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชา พลตำรวจเอกวุฒิ ลิปตพัลลภ อดีตผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายนพพร บุญลโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิพย์ประกันภัย ต้อย เมืองนนทบุรี “พิศาล เตชะวิภาค” และคนวงการพระเครื่องจำนวนมาก ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่หัวหิน ณ ห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต วันที่ 9-10 ธันวาคม 2566

นายสุวัจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีกับ เมืองหัวหิน เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มีการจัดมหกรรมการอนุรักษ์ ประกวดพระเครื่องพระบูชา โดยมีเหล่าบรรดาคนในวงการพระกว่าพันคน นำพระเครื่องพระบูชาที่มีมูลค่าและคุณค่าทางจิตใจ มาร่วมงานกันอย่างคึกคัก นับเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจของหัวหิน สร้างรายได้ให้กับประชาชนและโรงแรมห้างร้านต่าง ๆ

นายสุวัจน์ กล่าวว่า พระเครื่อง พระบูชา เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยพยุงความรู้สึกของคน ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้รู้สึกมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับภาวะวิกฤตต่าง ๆ และรู้สึกปลอดภัย วันนี้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเพราะบ้านเรามีวัดถึง 40,000 กว่าวัด มีพระเครื่องพระบูชาที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม กิจกรรมวันนี้ จึงสร้างประโยชน์หลาย อย่าง ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ พระเครื่อง พระบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลโดย นายสุวัจน์ ได้นำหลวงพ่อคูณ “รุ่นยอดธง” มามอบเพื่อร่วมทำบุญเพื่อการกุศล โดยรุ่นยอดธง เป็นรุ่นสุดท้ายที่หลวงพ่อคูณสร้าง ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ โดยหลวงพ่อได้ทำการปลุกเสกเองที่วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เราเรียกว่า รุ่น 90 เพราะสร้างขึ้นในปีที่ท่านมีอายุครบ 90 ปี (รุ่นแรกสร้างเมื่อหลวงพ่ออายุ 72 ปี) ซึ่งนายสุวัจน์ ได้บอกว่า โดยส่วนตัวตนศรัทธาหลวงพ่อคูณ และได้มีโอกาสใกล้ชิดทำให้รู้ถึงพุทธคุณของหลวงพ่อ อย่างไรก็ตามท่านมักจะมองทุกอย่างด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ มีเหตุ มีผล แม้จะมีคนบอกว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ มีหลวงพ่อแล้วแคล้วคลาดปลอดภัย แต่ท่านก็มักจะสอนให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท

“ผมเองก็เคยมีประสบการณ์ตรงที่อยากจะแบ่งปันคือ เมื่อ 30 ปีก่อน หลวงพ่อคูณได้รับนิมนต์ให้ไปหล่อพระ รุ่น“คูณพิทักษ์” ที่โรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์ ผมกับ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ไปร่วมงานด้วย เมื่อหล่อเสร็จ ท่านได้มอบพระให้กับพล.อ.ชาติชาย และผมคนละองค์ ผมก็รับมาเก็บไว้ แล้วเดินทางเข้า กทม. พอออกจากงานได้สัก 30 นาที ตอนที่รถผ่านโค้ง ของถนน แถวอำเภอปักธงชัย มีรถสิบล้อวิ่งสวนมา ทำให้รถเสียหลัก ตกไปที่ไหล่เขา ความลึกประมาณ 30 เมตร ปรากฏว่าผมไม่เป็นอะไรเลย ชาวบ้านที่มาช่วยต่างเดากันว่าผมต้องมีหลวงพ่อคูณติดตัวมาแน่ ๆ ซึ่งก็จริง นั่นคือประสบการณ์ตรงที่ผมรับรู้ถึงพุทธคุณของหลวงพ่อคูณ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า หลวงพ่อคูณยังสอนเรื่องการใช้เงินว่า อย่าให้เงินเป็นเจ้านายเรา อย่าตกเป็นทาสเงิน เพราะเมื่อใดก็ตามที่เงินเป็นเจ้านายและเราตกเป็นทาสเงิน มันจะทำให้เราโลภ แล้วนำไปสู่การทำสิ่งที่ผิด ๆ แต่หากเราเป็นเจ้านายเงิน เราก็จะใช้เงินอย่างถูกต้อง และเวลาที่มีคนนำเงินมาถวาย หลวงพ่อจะนำเงินทั้งหมดไปทำถนน สร้างโรงเรียน และทำประโยชน์ต่อสาธารณะ ท่านไม่เก็บเงินเลยแม้แต่บาทเดียว หลวงพ่อมักสอนเสมอว่า “ยิ่งให้ยิ่งมี” ให้ทำบุญมาก ๆ เป็นผู้ให้อย่าตกเป็นทาสเงิน และอย่าไปคิดว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ แต่ให้นำคำสั่งสอนของท่านไปใช้จะดีที่สุด