ตร.ภ.3 แถลงผลการจับกุมคนร้ายชิงทองห้างดัง โคราช หลังไล่ล่าเพียง 19 ชม.ได้พร้อมของกลาง ที่ จ.อุบลราชธานี
นครราชสีมา-เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันนี้ (20 มกราคม 2564) พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พลตำรวจตรีฐากูร นัทธีศรี รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 ,พลตำรวจตรีพรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ,พลตำรวจรีชูสวัสดิ์ จันทร์โรจน์กิจ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 ,พ.ต.อ.อิษฎ์ บุญญะฤทธิ์ ผกก.สภ.โนนไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายคุณสอบ ดอกแก้วกลาง อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ ต.ตาจั่น อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เมื่อเวลา 19.00น.วันที่ 19 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ได้สร้อยทองคำไป จำนวน 119 เส้น แยกเป็นสร้อยทองน้ำหนัก 1 บาท จำนวน 57 เส้น และสร้อยทองน้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 62 เส้น น้ำหนักทองรวม 72 บาท 50 สตางค์ มูลค่ากว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์ ขับรถหลบหนี และไปกบดานอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี แต่มาถูกจับกุมได้ก่อนจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
โดยนายคุณสอบ ฯ ผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านทองเพราะไม่มีเงิน สาเหตุมาจากพิษโควิดระบาด ทำให้ไม่มีใครกล้าไปเที่ยวสถานอาบอบนวดที่ตนทำงานอยู่ จึงทำให้ไม่มีรายได้ ตนจึงตกงาน ประกอบกับต้องการหาเงินใช้จ่ายและใช้หนี้พนัน จึงวางแผนก่อเหตุชิงทรัพย์โดยวันก่อเหตุ ได้แต่งกายอย่างมิดชิด สวมกางเกงขายาวสีแดง สวมเสื้อแขนยาวสีเขียวอ่อน มีฮูทคลุมศีรษะ สวมถุงมือ และสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า แล้วเดินเข้ามาที่ร้านทองดังกล่าว ก่อนจะควักอาวุธปืนสั้นซึ่งเหน็บไว้ที่เอว ออกมาจี้ชิงทองภายในร้าน และขู่พนักงานให้หยิบทองรูปพรรณใส่ถุงให้ แต่พนักงาน 3 คนที่อยู่ในเค้าท์เตอร์มีท่าทางหวาดกลัว ทำอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจปีนเค้าท์เตอร์เข้าไปหยิบทองที่แขวนอยู่ในตู้โชว์ด้วยตนเอง เมื่อหยิบทองไปได้จำนวนหนึ่ง จึงรีบปีนเค้าท์เตอร์วิ่งหนีออกไปจากร้าน แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่จอดไว้ด้านหน้าห้าง ขับหลบหนีไปทางตำบลหนองสรวง อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา
จากนั้น ได้จอดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไว้ที่บ้าน อ.โนนสูง ซึ่งห่างจากที่ก่อเหตุ 16 กิโลเมตร แล้วขับรถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หลบหนีไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อเตรียมจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่มาถูกตำรวจสกัดจับและตรวจค้นภายในรถยนต์ พบปืนพกสั้นที่ใช้ก่อเหตุ 1 กระบอก และพบของกลางสร้อยคอทองคำที่จี้ชิงทรัพย์มาจำนวนหนึ่ง ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ ก่อนให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฯ ได้ควบคุมตัวไปทำแผนจุดเกิดเหตุ ก่อนจะนำตัวมาส่งที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านพลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พลตำรวจตรีพรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ,พลตำรวจรีชูสวัสดิ์ จันทร์โรจน์กิจ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 และรองผู้บังคับการฯ ทั้งสองหน่วย เข้าควบคุมและร่วมปฏิบัติ โดยสั่งการให้กองกำกับการสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สถานีตำรวจภูธรโนนไทย และสถานีตำรวจภูธรทุกแห่งในสังกัด ทำการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้าย และได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้สกัดกั้นเส้นทางหลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมกับร่วมกันจับกุมตัวคนร้ายและตรวจยึดของกลางซึ่งเป็นทองรูปพรรณ ก่อนควบคุมนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโนนไทย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธและยานพาหนะในเวลากลางคืนซึ่งการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ รวมระยะเวลาตั้งแต่เกิดเหตุ จนถึงจับกุมตัวคนร้ายได้ ประมาณ 19 ชั่วโมง เกิดจากความร่วมมือร่วมใจใช้ความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ การรวบรวมพยานหลักฐาน และการประสานงาน จึงสามารถจับกุมคนร้ายได้ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชนที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 และต้องขอเตือนผู้ที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะนี้หรือประกอบเหตุอาชญากรรมอื่นๆ ว่า ตำรวจภูธรภาค 3 จะไม่ยอมให้ผู้กระทำความผิดไปสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเด็ดขาด และจะดำเนินการอย่างจริงจังกับผู้กระทำผิดทุกราย พลตำรวจโทภาณุรัตน์ฯ กล่าว.
////ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ //นครราชสีมา