โคราช ทำบุญเมือง ตักบาตรพระสงฆ์ 554 รูป ถวายเป็นพุทธบูชาสถาปนาเมือง ขณะที่สตรีโคราช กว่า 4,800 คน เตรียมรำบวงสรวงฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี เย็นนี้
นครราชสีมา-วันนี้ (23 มีนาคม 2565) ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าอาวาสวัดบึง ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมทั้ง นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครราชสีมา และทีมงานเทศบาลนครนครนครราชสีมา นาย พร้อมด้วยและหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ร่วมประกอบพิธีทำบุญเมืองนครราชสีมา ครบรอบ 554 ปี โดยคณะสงฆ์ได้ร่วมกันสวดมาติกาบังสุกุล และเจริญพระพุทธมนต์สมโภชเมือง ก่อนจะทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 554 รูป ถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้สถาปนาเมืองนครราชสีมา และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้วีรชนผู้กล้า บรรพบุรุษ ผู้เสียสละชีวิตปกป้องเมืองนครราชสีมา เนื่องในวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารีประจำปี 2565
ซึ่งในปีนี้ สถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังแพร่ระบาด จึงกำหนดจัดเพียงพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งในช่วงเช้า และในช่วงเย็น จะมีพิธีรำบวงสรวงของสตรีชาวโคราช จำนวน 4,803 คน โดยแบ่งทยอยรำบวงสรวง จำนวน 5 วัน วันละ 960 คน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมรำบวงสรวงฯ จะต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 (ATK) อย่างน้อย 24 ชั่งโมงก่อนร่วมพิธีรำบวงสรวงท้าวสุรนารี ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเชิดชูเกียรติวีรกรรมของท้าวสุรนารี และวีรชนชาวโคราช เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงวีรกรรมอันกล้าหาญ เสียสละ และดำรงไว้ซึ่งความสามัคคีของคนในชาติ ทั้งละยังเป็นการส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่นที่ดีงาม ซึ่งเป็นทั้งเอกลักษณ์ที่ดีของชาวโคราช เป็นงานเทศกาลท่องเที่ยว และแสดงออกถึงอัตลักษณ์-ศักยภาพจังหวัดนครราชสีมา ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน.
ซึ่งนายเทวัญได้กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์น้ำมันแพง เราก็ต้องช่วยกันประหยัด ก็ต้องปรับการใช้ชีวิต เช่นไปไหนก็ต้องไป พร้อมกัน เหมือนขาปู แล้วก็การใช้รถ ก็ต้องดูแลรถ เพื่อให้ไม่ให้กินน้ำมัน ตรงไหนเดินทางใช้สาธารณะได้ก็ใช้รถสาธารณะ
และที่สำคัญอยากวิงวอนให้สงครามเลิก เทวัญ กล่าว.