คลั่ง! ช้างป่าเขาใหญ่ตกมัน เหยียบนักท่องเที่ยวขณะหลับในเต็นท์บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จนเสียชีวิต
นครราชสีมา-เมื่อเวลา 03.00 น. ที่ผ่านมา (15 มกราคม 2564) พนักงานสอบสวน สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวที่ไปกางเต็นท์พักแรมบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่า เกิดเหตุช้างป่าตกมันบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำร้ายนักท่องเที่ยว บริเวณลานกางเต้นท์ผากล้วยไม้ ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขต อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.หมูสี ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบ ในขณะที่หัวหน้าลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ ได้แจ้งรายงานให้นายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทราบ ซึ่งได้เดินทางมาร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน โดยพบว่า ลานกางเต็นท์ตรงข้ามกับสำนักงานผากล้วยไม้ เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง จ.ปราจีนบุรี และพื้นที่ของ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พากันมุงดูด้วยความตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย ชื่อนายประโยชน์ จิตต์บุญ อายุประมาณ 80 ปี เป็นลูกศิษย์หลวงปู่หล้า จ.อุดรธานี สายปฏิบัติธรรมหลวงปู่มั่น และเป็นแขกประจำที่มักจะมากางเต็นท์ที่นี่ เดินทางมาพักผ่อนด้วยรถยนต์ส่วนตัว เลขทะเบียน 2กฉ 2115 กรุงเทพมหานคร
จากการสอบถามนักท่องเที่ยวในที่เกิดเหตุ ทราบว่า มีช้างป่าตัวหนึ่งลักษณะอาการคล้ายกำลังตกมัน เดินวนเวียนบริเวณรถของผู้เสียชีวิต ด้วยท่าทางอารมณ์หงุดหงิด เข้าทำลายเต็นท์ที่ผู้เสียชีวิตนอนอยู่ เหยียบร่างก่อนจะเหวี่ยงออกจากเต็นท์อย่างแรงไปกระแทกกับต้นไม้จนเสียชีวิตคาที่ พนักงานสอบสวนจึงทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบภายในเต็นท์ผู้ตายมีเงินติดตัวมาเป็นจำนวนมาก เมื่อสอบถามข้อมูลเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทราบต่อมาว่า ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่ช้างตกมันเป็นจำนวนมาก และช้างป่าที่ก่อเหตุครั้งนี้ เป็นช้างป่าเพศผู้ ชื่อว่า พลายดื้อ เจ้าหน้าที่ฯ เพิ่งจะสวมปลอกคอให้เพื่อติดตามพฤติกรรมเป็นวันที่ 9 ซึ่งเคยออกมาหากินและเดินฝ่าลานกางเต็นท์บริเวณผากล้วยไม้มาแล้ว โดยคาดว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขยับเต็นท์ออกไปจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเล็กน้อย และนำรถส่วนตัวที่บรรทุกผลไม้หลากหลายชนิดมาจอดใกล้เต็นท์ เมื่อช้างป่าได้กลิ่นอาหารจึงมาเดินวนเวียนบริเวณรถเพื่อหาอาหารกิน แต่ด้วยอาการตกมัน จึงมีอารมณ์ดุร้าย หงุดหงิดง่าย จึงได้รื้อทำลายเต็นท์ก่อนเข้าทำร้ายคนจนเสียชีวิตดังกล่าว แถมยังร้องคำรามท่ามกลางความมืด จนนักท่องเที่ยวที่มากางเต็นท์พากันแตกตื่นกระเจิงไปหมด ซึ่งนับเป็นรายแรกของปี 2564 ที่ถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ขณะที่ทางอุทยานฯ จะได้หาแนวทางป้องกันแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุสูญเสียขึ้นอีก
///////////////////ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา