ศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน
กู้วิกฤติน้ำท่วม  “วัดศาลาลอย”

วันที่ 21 ตุลาคม 2564 นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา (สท.) ลงพื้นที่กู้วิกฤติน้ำท่วมวัดศาลาลอย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หลังจากได้มีน้ำลำตะคองซึ่งติดด้านหลังวัดเอ่อล้นเข้าท่วมภายวัดศาลาลอยทั้งหมด ระดับน้ำรอบวัดน้ำ 50-60 ซม. โดยเฉพาะเจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี รวมทั้งรูปปั้นท้าวสุรนารี คุณย่าบุญเหลือ และพระยาปลัดทองคำน้ำได้เข้าท่วมจนถึงฐานสักการะชั้นบนและน้ำท่วมเจดีย์บรรจุอัฐิ 5 ซม.

ส่วนโบสถ์หลังเก่าใช้หินทรายแดงอายุหลายร้อยปีมวลน้ำได้ท่วมล้อมรอบทั้งหมด แต่น้ำไม่เข้าถึงภายในอุโบสถฯ เนื่องจากได้ทำบันไดกั้นไว้ ส่วนจุดจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน เวทีหมอเพลงโคราช บ่อปลา รวมทั้งต้นโพธิ์อายุกว่า 100 ปี น้ำท่วมโคลนต้น โดยกระแสน้ำได้เข้าท่วมเมื่อค่ำคืนวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยกระแสน้ำไหลมาแรงมาก ส่งผลให้น้ำท่วมทั้งวัด

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกันร่วมกับพรรคชาติพัฒนา หน่วยทหารช่าง กองทัพภาคที่ 2 และชาวบ้านชุมชนวัดศาลาลอย สร้างเขื่อนกั้นน้ำด้วยกระสอบทรายกั้นบริเวณเจดีย์บรรจุอัฐิย่าโม และบริเวณโบสถ์หลังเก่า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสถานที่สำคัญแห่งนี้

โดยทางศูนย์ฯ ได้สั่งรถบรรทุกทรายมาสิบกว่าคันรถ ได้ชาวบ้านช่วยกันกรอกทรายใส่ถุงปุ๋ย ได้กำลังทหารช่างช่วยลำเลียงก่อเป็นเขื่อนกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาพื้นที่บริเวณเจดีย์เก็บอัฐิย่าโมและโบสถ์หลังเก่า เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีความสัมพันธ์กับท้าวสุรนารีหรือคุณย่าโม เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพรักของคนโคราช ถือเป็นหัวใจสำคัญพี่น้องชาวคนโคราช

“ภาระกิจวันนี้ เราต้องเร่งกู้วิกฤติน้ำท่วมวัดศาลาลอย เพื่อรักษาโบราณสถานสำคัญแห่งนี้ ให้เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของคนโคราชสืบไป” นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวพร้อมกับเล่าว่า

“วัดศาลาลอย” แห่งนี้สร้างขึ้นโดย ท้าวสุรนารี และ พระยาสุริยเดช ผู้เป็นสามี ภายหลังจากเสร็จศึกกับกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ เล่ากันว่า ขณะที่ยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา ท้าวสุรนารีได้แวะพักบริเวณท่าตะโก (ใกล้กับบริเวณวัดท่าตะโกในปัจจุบัน) พร้อมกับสั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาเสี่ยงทายลอยไปตามลำตะคอง พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานว่า หากแพรูปศาลานี้ลอยไปติดที่ใด จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ แพดังกล่าวลอยไปติดที่ริมฝั่งขวาของลำตะคองซึ่งเป็นวัดร้าง จึงได้สถาปนาขึ้นเป็นวัดและตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า ‘วัดศาลาลอย’
เมื่อท้าวสุรนารีถึงแก่อสัญกรรมจึงได้นำอัฐิของท่านมาบรรจุไว้ในเจดีย์ที่วัดแห่งนี้