“จุดชมวิว 1715”
จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก ดอยภูคา จังหวัดน่าน ไม่น่าเชื่อ ต้นเดือนมีนาคม จะได้สัมผัสทะเลหมอกแบบเย็นเยือก มีร้านค้ามันเผา ข้าวโพดเผา ไข่ปิง…ฟินเวอร์

…ทริปนี้ เราใช้เส้นทางดอยภูคา-บ่อเกลือ-สะปัน (ทางหลวง 1256) ที่เรียกว่า “ถนนลอยฟ้า” ตัดผ่านสันเขาสูงสองข้างทางเป็นหุบเขาทิวทัศนสองฝั่งงดงาม ภูเขาใหญ่ที่ลัดเลาะตามเส้นทางนี้คือ “ดอยภูคา” ที่ต้องผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน มีจุดกางเต้น ห้องพัก ไว้บริการนักท่องเที่ยว ห่างจากอุทยานฯ 4 กิโลเมตร จะมีจุดชมต้น”ชมพูภูคา” ต้นไม้หายากที่สุดในโลก ใกล้สูญพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้จีนยูนาน ประเทศไทยพบที่ดอยภูคาแห่งเดี่ยว เดินทางต่อไปอีก 4 กม.จะพบจุดชมวิว 1715 จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และจุดชมทะเลหมอก ดอยภูคา
“1715” คือ ความสูงจะระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวต้องหยุดถ่ายภาพเช็คอิน ด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอบ่อเกลือ เพื่อชมบ่อเกลือโบราณกับภูมิปัญญาชาวบ้านกว่าพันปี และเลยขึ้นไปอีกจะพบกับหมู่บ้านสะปัน ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน หมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำมาง มีวิถีชุมชนที่งดงาม นักท่องเที่ยวห้ามพลาด !!!!

#Photo By : Thaweechai Jaowattana

“ชมพูภูคา” ดอกไม้แห่งเดียวในโลกที่น่าน

ต้นชมพูภูคาในอดีตเคยถูกพบมากบริเวณผืนป่าพรมแดนระหว่างจีนและเวียดนาม ภายหลังป่าบริเวณดังกล่าวถูกทำลายไปหมด จึงถูกคาดว่าสูญพันธุ์ไปจากโลก แต่กลับถูกค้นพบที่ประเทศไทยแห่งเดียวในโลกเท่านั้น

ชมพูภูคา” เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่หาได้ยากและใกล้สูญพันธุ์ ชมพูภูคาจะขึ้นอยู่ในบริเวณป่าดิบเขาที่ระดับความสูง 1,200-1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนใหญ่แล้วจะพบในบริเวณทางตอนใต้ของประเทศจีน ภาคเหนือของเวียดนาม ไต้หวัน และไทย โดยในประเทศไทยพบที่ดอยภูคา จ.น่าน

อย่างไรก็ดีพบว่าภายหลังป่าบริเวณที่มีต้นชมพูภูคาในต่างประเทศที่กล่าวมาถูกทำลายไปหมด จึงคาดว่าต้นชมพูภูคาอาจสูญพันธุ์ไป ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลระบุว่าพบต้นชมพูภูคาที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน ประเทศไทย เพียงแห่งเดียวในโลกเท่านั้น

ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ที่ต้นชมพูภูคาจะเจริญเติบโต จะมีร่มเงาของไม้ใหญ่หนาทึบ มีอากาศหนาวเย็น มีความชุ่มชื้นสูง มีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี จึงถือว่าระบบนิเวศของชมพูภูคามีความเปราะบางมาก

นอกจากนี้ อีกสาเหตุที่ต้นชมพูภูคากลายเป็นพรรณไม้หายาก เนื่องจากในเมล็ดของชมพูภูคามีเมือกสำหรับยับยั้งการเจริญเติบโต อีกทั้งระบบนิเวศของป่าดิบเขาเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้มีการขยายพันธุ์ได้ยาก

ทุก ๆ ปี ต้นชมพูภูคาที่ดอยภูคา จ.น่าน จะออกดอกบานระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งภาพดอกชมพูภูคาบานนั้นหาชมได้ยากมาก โดยดอกชมพูภูคาจะออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ตัวดอกมีสีชมพู เมื่อบานดอกจะชิดกันแน่น ทำให้ดูเป็นพุ่มสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน

สำหรับจุดที่สามารถชมต้นชมพูภูคาได้สะดวกที่สุด อยู่บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร ทางอุทยานจัดทำเป็นระเบียงไม้ยื่นออกไปให้ยืนชมต้นชมพูภูคาที่ยืนต้นสูงขึ้นมาจากหุบเขา

ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวสนใจจะไปชมดอกชมพูภูคาสีชมพูสวยที่บานสะพรั่ง สามารถไปชมได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงเดือนมีนาคม (ทั้งนี้ ควรสอบถามทางอุทยานฯ ว่าดอกชมพูภูคายังบานอยู่หรือไม่) โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลดอกชมพูภูคาบานเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โทร. 0 5473 1623, 08 2194 1349