“สุวัจน์” ให้กำลังใจ ผู้ประกอบการภาคเอกชนหัวหิน
พร้อมเปิด “หัวหินริชาร์จ” มั่นใจท่องเที่ยวไทยกลับมาโตอันดับต้นๆ ของโลก

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา13.30 น. ณ บูลพอร์ต ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 2 บูลพอร์ต หัวหิน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Bluport Hua Hui Recharge โดยมี นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางกัญญา มโนเสงี่ยม รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ นายสาวิตร วงศ์สวรรค์ ผู้จัดการ ไทยแอร์เอเชีย นายธนู ตรีวิมล ผู้จัดการทั่วไป บูลพอร์ต หัวหิน ร่วมเปิดงาน

นายสุวัจน์ กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์การท่องเที่ยว ว่าผมรู้สึกยินดีที่เห็นผู้ประกอบการได้มีความร่วมมือกัน กับสมาคม และตอบสนองนโยบายรัฐบาล เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลับมา เมื่อโควิดจบ ผมเชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวอยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสวยงาม มีเสน่ห์ มีวัฒนธรรม มีอาหาร มีความหลากหลายในทุกภูมิภาค มีทะเล หาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำทะเลที่สดใส และโอโซนธรรมชาติ มีภูเขา และการใช้จ่ายต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวจะชอบ

“ความสุขของนักท่องเที่ยว คือ การได้มาเยือน มาสัมผัสกับทราย และโอโซน ธรรมชาติ ความรู้สึกกับบรรยากาศแบบนี้ สัมผัสผ่านออนไลน์ไม่ได้ นักท่องเที่ยวต้องสัมผัสด้วยตนเอง ดังนั้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องฟื้นตัวก่อน และประเทศไทย ต้องกลับมายิ่งใหญ่ เราเคยมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน ผมเชื่อมั่นว่าจะกลับมาเติบโต อย่างมหาศาล พวกเราต้องเข้มแข็ง อยากที่จะให้กำลังใจทุกคน เราจะฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากโควิดและเป็นกำลังที่สำคัญในการช่วยกันกอบกู้เศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ” นายสุวัจน์ กล่าวพร้อมระบุว่า

เรื่องโควิด “วัคซีน” คือตอบ เพราะในวันเวลาที่เรายังไม่รู้ว่า มีอะไรมารักษาโควิด นอกจากการดูแลตัวเอง ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่มีกิจกรรมใกล้ชิดมากเกินไป อันนี้เป็นการดูแลตัวเองโดยธรรมชาติ หรือการออกกำลังกาย การดูแลด้วยสาธารณสุข การใช้มาตรการ Social Distancing และการฉีดวัคซีน ซึ่งทั่วโลกใช้มาตรการนี้ ที่ผ่านมาปีครึ่งสถานการณ์การฉีดวัคซีนของประเทศไทยจากตัวเลขเดือนสองเดือนเราประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนดีมาก เป้าหมายการฉีดวัคซีนต้องเอาอยู่ ใครฉีดวัคซีน 2 เข็ม แล้วไม่น่าจะติดถึงติดก็ไม่เสียชีวิต ถ้าติดก็ป่วยแล้วไปหาหมอ ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นยาที่สำคัญที่สุดที่จะต้องให้พี่น้องประชาชนภายในประเทศ เป็นมาตรฐานทั่วโลกที่ใช้

“รัฐบาลตั้งเป้าว่าถ้าจะเอาโควิดให้อยู่ต้องมีการฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส จากประชาชนในประเทศ 70 ล้านคน ถ้าฉีดให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ทางการแพทย์บอกว่า จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่ทำให้รอดจากโควิด
ประเทศถ้าเราสามารถฉีดได้ 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในประเทศ ก็คือ 70 เปอร์เซ็นต์ ของประชากร 69 ล้าน ก็ประมาณ 50 ล้านคน ถ้าฉีดคนละ 2 โดสเอา 50 ล้านคน x 2 โดส ก็คือ 100 ล้านโดส
ดังนั้น ถ้าประเทศไทยฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดสเมื่อไร หมายความว่า วันนั้นประเทศไทยค่อนข้างที่จะปลอดภัย เพราะเราฉีดวัคซีนได้มีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว นั้นคือ เป้าหมายของประเทศ และคือเหตุผล เราจะเปิดประเทศ เราเตรียมการเปิดประเทศ คำตอบ เราต้องฉีดเป้าหมายการฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส

“ตัวเลขล่าสุด ในช่วง 1 เดือน 2 เดือน อัตราการฉีดวัคซีนดีมากตอนนี้ได้ 56 ล้านโดส จากเป้าหมาย 100 ล้านโดส ปีนี้ถ้าเอาให้จบ ตุลาคม – พฤศจิกายน – ธันวาคม อีก 3 เดือน ยังเหลือประมาณ 44 ล้านโดส ซึ่งเรื่องการนำเข้าวัคซีนไม่มีปัญหาค่อนข้างมีเป้าหมายที่ชัดเจน มี 4-5 ยี่ห้อ คนที่ได้ฉีด 2 โดส ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และคนที่ฉีดโดสแรก ประมาณ 48 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งหมด 56 ล้านโดส จาก 100 ล้านโดส เราเดินทางเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์แล้วของเป้าหมาย อัตราตัวเลขตอนนี้ ผู้ติดเชื้อสะสมเริ่มจะมียอดลดลงต่ำกว่า 10,000 คน และผู้เสียชีวิตต่ำกว่า 100 คน ซึ่งเป็นดัชนีที่ดีทำให้เห็นว่าเราเริ่มจะปลอดภัย เราเริ่มจะมีทางออก ปัญหาเรื่องโควิดเริ่มจะคลี่คลาย” นายสุวัจน์ กล่าวและบอกว่า

ในที่สุด เราสามารถอยู่กับโควิดได้ โควิดอาจจะไม่มีวันเป็นศูนย์ แต่เราอยู่กับโควิดได้ แต่ถ้าให้เราหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเลยไม่ได้ ซึ่งทั่วโลกตอนนี้จะใช้วิธีคู่ขนานในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และตอนนี้มีข่าวดีมีบริษัทผลิตยาต่างประเทศ ผลิตยา “โมลนูลพิราเวีย” เป็นยากินแล้วรักษาโควิด หายภายใน 5 วัน จากการทดสอบมากกว่า 50% รักษาหายได้ และไม่มีใครเสียชีวิตเลย ถ้ายานี้ประสบความสำเร็จถือว่าเรื่องโควิดเป็นเรื่องเบา คือ ถ้าเป็นโควิดก็กินยา ซึ่งเป็นความน่าสนใจ เป็นยาที่ช่วยโลก

นายสุวัจน์ บอกว่า ผมพูดเรื่องนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น ผู้ติดเชื้อน้อยลง ผู้เสียชีวิตน้อยลง การฉีดวัคซีนมากขึ้น เริ่มเป็นไปตามเป้าหมาย นี้คือเหตุผล ที่เราจะเปิดประเทศกันภายใน 120 วัน เรากำลังมีโครงการนำร่อง “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เป็นความร่วมมือภาครัฐ ภาคสาธารณสุข ภาคเอกชน โดยกำหนดเป้าหมายและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวโดยเงื่อนไข และคนในกลุ่มจังหวัดต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง นักท่องเที่ยวก็ต้องมีการฉีดวัคซีน สถานประกอบการต้องดูแลเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย มีการตรวจ ATK ตามมาตรการสาธารณสุข ซึ่งภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เริ่มมาได้เกือบ 2 เดือนแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเลขอาจจะไม่เข้าเป้าที่เดียว แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี ที่ทำให้รู้ว่าเราเริ่มเปิดประเทศแล้ว เริ่มมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมา ยิ่งตอนนี้เค้าเห็นประเทศไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนกันเยอะ เค้าก็เริ่มรู้สึกว่ามาเมืองไทยปลอดภัย รัฐบาลก็เริ่มมีการขยายจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไปตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ประมาณวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เราจะเปิดอีก 5-6 จังหวัด ซึ่งตอนนี้ก็มี สมุยพลัส , หัวหิน รีชาร์จ จะเรียกชื่ออะไรก็แล้วแต่ก็อยู่ภายใต้ “โครงการเปิดประเทศไทย” กลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ตามนโยบายรัฐบาล หลังจากที่เราฉีดวัคซีนกันครบ
ต้องขอขอบคุณภาคเอกชนและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทุกท่าน ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันวิกฤต ที่ผ่านมาก็ประสบปัญหาการขาดทุนกันมาตลอดในช่วง 1 ปีครึ่งของสถานการณ์โควิด แต่ก็ยังพยายามที่จะดำเนินกิจการต่อไม่ปิดกิจการเพราะไม่ต้องการให้ลูกน้องหรือคนที่ทำงานด้วยว่างงาน ไม่ต้องการซ้ำเติมวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ ทุกท่านเสียสละกันมาก เมื่อสถานการณ์โควิชจบลงเราก็ยังจะต้องปรับตัวกันอีกหลายอย่างในการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพราะเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง พฤติกรรมผู้บริโภคที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากสถานการณ์ covid เพื่อที่จะได้เป็นกำลังสำคัญทางเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ

“วันนี้ เป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน เพื่อรองรับนโยบายของประเทศในเรื่องของการนำนักท่องเที่ยวกลับมาประเทศไทย เพื่อให้เราได้หลุดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งหัวหินได้มีการวางแผนร่วมกันว่าจะสร้าง “หัวหิน รีชาร์จ” โมเดลว่าเป็นลักษณะใดที่ยังคงไว้ถึงความปลอดภัยทุกชีวิต เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับมา และทำให้เศรษฐกิจของผู้ประกอบการทุกคนอยู่ได้ ทุกคนมีงานทำก็ได้มีการออกแบบ วางแผนว่าคนที่จะมาหัวหิน นักท่องเที่ยวต้องมีการฉีดวัคซีน 2 เข็ม และเร่งระดมการฉีดวัคซีนให้ประชากรในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งตอนนี้มีการฉีดวัคซีน 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถือว่ามีภูมิคุ้มกันหมู่ เกิดขึ้นในเมืองหัวหิน เเละมีการตรวจ ATK ตามสถานประกอบการโรงแรม ผู้ประกอบการทุกคน รวมทั้งนักท่องเที่ยวด้วย เพื่อประกาศให้ทราบว่าหัวหินมีความพร้อมและปลอดภัย นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวได้ เมื่อรัฐบาลให้การสนับสนุนและภาคเอกชนจับมือกันก็ถือว่าเรามีความพร้อม ตามแผนการเปิดโครงการ”หัวหินริชาร์จ” ดังนั้น การแถลงข่าววันนี้ เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าหัวหินมีความพร้อมที่จะเปิดเมืองรองรับนักท่องเที่ยว” นายสุวัจน์ กล่าว