ครม.เคาะ9.2หมื่นล. เพิ่มเงิน ‘บัตรคนจน-คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้’ จ้างงานเอสเอ็มอี
ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเพิ่มเงินลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มเงินให้กับผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ อีก 300 บาทต่อคน 2 เดือน พร้อมเพิ่มเงินคนละครึ่ง อีก 1,500 บาทต่อคน และเพิ่มเพิ่มวงเงินสนับสนุน อี-เวาเชอร์ ยิ่งใช้ยิ่งได้ และช่วยจ่ายค่าจ้างงานเอสเอ็มอี
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 โครงการ คือ 1.การเพิ่มเงินลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรอบวงเงิน 8,122 ล้านบาท โดยจะให้วงเงินไปซื้อสินค้าและบริการเพิ่มเติมอีก 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้
2. เพิ่มเงินให้กับผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ กรอบวงเงิน 1,383 ล้านบาท โดยจะให้วงเงินไปซื้อสินค้าและบริการเพิ่มเติมอีก 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ เช่นกัน
3.เพิ่มเงินคนละครึ่ง กรอบวงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท โดยให้วงเงินเพิ่มอีก 1,500 บาทต่อคน เพื่อไปใช้จ่ายได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้
และ 4. เพิ่มวงเงินยิ่งใช้ยิ่งได้ กรอบวงเงิน 3,000 ล้านบาท โดยเพิ่มหลักเกณฑ์ในการคำนวณการให้สิทธิสนับสนุน อี-เวาเชอร์ และเพิ่มวงเงินสนับสนุน อี-เวาเชอร์ 3,000 บาทต่อคนในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ โดยนำไปรวมกับสิทธิเดิมคนละไม่เกิน 7,000 บาท รวมเป็น 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังเห็นชอบโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจเอสเอ็มอี กรอบวงเงิน 37,521 ล้านบาท ด้วย
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวว่า มาตรการทั้งหมดที่ออกมานี้เชื่อว่าจะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า โดยเฉพาะการช่วยเรื่องของค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยรัฐบาลขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่เรื่องสำคัญที่สุด คือ ทุกคนยังต้องช่วยกันรักษาความปลอดภัยทางสาธารณสุขต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดขึ้น