รัฐบาลสนับสนุน “ช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ.” สู้ภัยโควิด ปรับโครงสร้างผ่อนยาวสูงสุด 30 ปี หักขั้นต่ำ 10 บาทต่อเดือน นำค่างวดไปชำระเงินต้นก่อน
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เห็นชอบมาตรการ “ช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ.” เพิ่มเติมจากที่ได้ยกเลิกกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุนในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564
เตรียมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ผู้กู้ยืม ปรับลำดับตัดชำระหนี้และปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ ผู้กู้ยืมที่อยู่ในระบบหักเงินเดือนสามารถขอปรับลดจำนวนเงินที่หักเหลือขั้นต่ำ 10 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 – มิถุนายน 2565
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวตกรรม นำมาตรการลดค่าค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาในปีการศึกษา 2564 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า (27 กรกฎาคม 2564) ด้วย
กยศ. เตรียมแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับเปลี่ยนลำดับตัดชำระหนี้ และเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระ “ช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ.” สำหรับผู้กู้ยืมกลุ่มก่อนฟ้องคดีเพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ค้างชำระและลดปัญหาหนี้ค้างชำระของกองทุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนี้
ปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระหนี้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี หากไม่สามารถผ่อนชำระเงินคืนตามสัญญา กองทุนจะให้ผู้กู้ยืมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้โดยขยายระยะเวลาผ่อน และเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อให้มีระยะเวลาในการผ่อนชำระมากขึ้น สามารถผ่อนได้สูงสุด 30 ปี แต่ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ และมีส่วนลดเบี้ยปรับโดยให้ชำระในงวดสุดท้าย ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถแจ้งความประสงค์ขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือทาง เว็บไซต์ https://wsa.dsl.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
ปรับเปลี่ยนลำดับตัดชำระหนี้ สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระเงินคืนกองทุนที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี จากเดิมที่ใช้วิธีการตัดเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น กองทุนจะปรับเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ โดยจะนำเงินที่ได้รับชำระไปตัดเงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ
ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินคืน สำหรับผู้กู้ยืมรายใหม่ และผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างปลอดหนี้และยังไม่ครบกำหนดชำระหนี้ จากเดิมที่ผ่อนชำระเป็นรายปี กองทุนจะปรับให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน และเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระจากเดิมไม่เกิน 15 ปี เป็นไม่เกิน 30 ปี ขึ้นอยู่กับยอดหนี้ของผู้กู้ยืมแต่ละราย ทั้งนี้ ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมจะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
ทั้งนี้ ลดเบี้ยปรับให้เหลือเพียง 0.5% กรณีผู้กู้ยืมไม่สามารถชำระหนี้ได้ในสถานการณ์นี้ รวมทั้งชะลอการฟ้องคดี บังคับคดี ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความ และงดการขายทอดตลาดไว้จนถึงสิ้นปีนี้
นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการแก้ปัญญาหนี้ภาคประชาชน ส่งเสริมสร้างวินัยทางการเงิน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังสนับสนุนนโยบาย กยศ. ในการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ให้มีความสามารถในการชำระหนี้คืนจากมาตรการต่าง ๆ ของกองทุน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อลูกหนี้ กยศ. ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้จำนวน 3.5 ล้านราย หากสนใจก็สามารถเข้าร่วมโครงการ ก็จะได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ในครั้งนี้ด้วย
ข้อมูล : อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล