“สุราษฎร์ธานี” มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ แหล่งท่องเที่ยวงามสมบูรณ์แบบ
เพราะมีทั้งหมู่เกาะต่างๆ มีพื้นที่ป่าดิบชื้นที่อุดมด้วย พืชพรรณนานาชนิด เรียกได้ว่าเป็นเมืองสวรรค์
อันดับต้นๆ ของทางชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนใต้ โดยมี “เกาะสมุย” เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว
ซึ่งสร้างรายได้เข้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีปีละประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท และจัดอยู่ในลำดับที่ 6
ของรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวทั้งประเทศ

แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นเกาะประกอบกับภูมิอากาศที่แปรปรวนจากสภาวะโลกร้อน
จึงทำให้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะหมู่เกาะสมุย ในฤดูแล้งต้องประสบปัญหาแล้งรุนแรง พรุกักเก็บตามธรรมชาติเหือดแห้ง เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์การท่องเที่ยวสมุย พร้อมวางรากฐานการท่องเที่ยว
ที่มั่นคงและยั่งยืน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้ร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กระทรวงมหาดไทย
ในการวางแผนบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ

โดยโครงการ“ก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย” ของ กปภ.
(ระยะเวลาดำเนินการ 2557-2561) เป็นโครงการแรกที่เข้าช่วยบรรเทาวิกฤตความแห้งแล้งในพื้นที่
ดังกล่าว ภายใต้การสนับสนุน งบประมาณของรัฐบาล เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาธุรกิจและ
การท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและบนเกาะสมุย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

นับตั้งแต่ปี 2557 กปภ. ได้เข้าดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตที่สถานีผลิตน้ำบ้านนาทราย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำไปยังเขตพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผ่าน อ.ดอนสัก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 105 กิโลเมตร และเดินท่อส่งน้ำขนาด 800 มม. ลอดใต้ทะเลลึก 2 เมตร ความยาว 20 กิโลเมตรต่อไปยังอ่าวพังกา อ.เกาะสมุย พร้อมก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำหน้าเมือง วางท่อจ่ายน้ำบริการให้กับประชาชนบนเกาะสมุยอีก 14 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันงานก่อสร้างวางท่อได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมเดินเครื่องส่งน้ำประปาลอดใต้ท้องทะเลไปยังเกาะสมุย โดยเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา
ได้มีพิธีเปิดส่งน้ำประปาอย่างเป็นทางการ และได้รับเกียรติจาก “พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ท่าเทียบเรือเกาะสมุย (หน้าทอน) อ.เกาะสมุย

“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เปิดเผยว่า โครงการส่งน้ำประปาผ่านท่อลอดใต้ทะเล สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลตามนโยบายข้อ 6 ในการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และข้อ 3
ในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ซึ่งสร้างโอกาสให้ประชาชน 5 อำเภอตามแนวท่อ ได้เข้าถึง
การบริการของรัฐ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีและอยู่ในสังคม
ที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ เมื่อมีน้ำลอดใต้ทะเลมาเสริมความมั่นคงแล้ว ต้องใช้น้ำอย่างคุ้มค่า และบำบัด น้ำเสียอย่างเป็นระบบด้วย จึงจะเกิดความยั่งยืน

ด้าน “นพรัตน์ เมธาวีกุลชัย” ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค เผยว่า ปัจจุบัน กปภ.สาขาสุราษฎร์ธานี มีกำลังผลิตรวม (โรงผลิต) 4,730 ลบ.ม./ชม. (113,520 ลบ.ม./วัน) ซึ่งสถานีผลิตน้ำ
บ้านนาทรายที่รับน้ำดิบมาจากแม่น้ำคลองพุมดวง ขณะนี้มีกำลังผลิตอยู่ที่ 2,000 ลบ.ม./ชม. (48,000 ลบ.ม./วัน) แบ่งจ่ายน้ำพื้นที่ฝั่งสุราษฎร์ธานี 1,000 ลบ.ม./ชม. และบน อ.เกาะสมุย 1,000 ลบ.ม./ชม. วันนี้โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุยแล้วเสร็จ ทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มเป็น 3,100 ลบ.ม./ชม. และสามารถผลิตน้ำ ได้เต็มกำลังที่ 4,000 ลบ.ม./ชม. อีกทั้งประชาชนตลอดแนวเส้นท่อประปา ซึ่งประกอบด้วย อ.พุนพิน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก บางส่วนของ อ.ขนอม และ อ.เกาะสมุย ยังได้มีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอเป็นจำนวนโดยประมาณ 64,184
ครัวเรือน ถือเป็นการเตรียมแผนรองรับความมั่นคงของการใช้น้ำในระยะ 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ กปภ. ยังได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูแนวปะการังในพื้นที่หมู่เกาะสมุย โดยร่วมกับ
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยปลูกเสริมเพื่อซ่อมแนวปะการังในพื้นที่ 4 แห่ง ได้แก่ เกาะสมุย เกาะแตน เกาะมัดสุ่ม เกาะมัดหลัง พื้นที่รวม 3,638 ไร่ จำนวน 32,000 กิ่ง ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการไปจนถึงปี 2565

ขณะเดียวกัน ยังได้รณรงค์ลดการใช้น้ำ การบำบัดน้ำเสีย และนำน้ำเสียที่บำบัดแล้วกลับมา
ใช้ประโยชน์ ด้วยการจัดทำโครงการครอบครัวฮีโร่พิทักษ์น้ำและชายหาด ให้กับโรงเรียนในพื้นที่เกาะสมุย จัดกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึกในการประหยัดน้ำและรักษาความสะอาดบริเวณชายหาดอ่าวพังกาและอ่าวท้องกรูด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพและโอกาสเข้าถึงการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพที่เป็นธรรมและยั่งยืน

ขณะที่ด้าน “ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน” นายอำเภอเกาะสมุย ให้ข้อมูลว่า เกาะสมุย
มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นปีละ 10% เมื่อเทียบกับปริมาณแหล่งน้ำ ตามธรรมชาติซึ่งมีอยู่ 5 พรุ
นั้นถือว่าไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร จำเป็นต้องนำน้ำจากบนฝั่งมาใช้ ซึ่งโครงการ
ส่งน้ำประปาผ่านท่อลอดใต้ทะเลมาสมุย เป็นโครงการที่ตอบโจทย์พื้นที่ซึ่งมีความเจริญและปริมาณ
คนเพิ่มขึ้น จากที่แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาด้วยการซื้อน้ำใน ราคาคิวละ 60-70 บาท ก็ซื้อได้
ในราคาใกล้เคียงกับราคาปัจจุบัน ขณะเดียวกัน เมื่อเราได้น้ำประปามาช่วยในพื้นที่ ก็ได้ สร้างจิตสำนึก
ให้ชาวสมุย “ใช้น้ำ อย่างประหยัด” มีการปลูกต้นไม้เพื่อ รักษาระบบนิเวศ รวมไปถึงจัดทำฝาย ชะลอน้ำ
“ฝายเพื่อชีวิต” ที่ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 10 ฝาย

“การก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลมายังเกาะสมุย” นอกจากจะเป็นแห่งแรก
ของไทยที่ วันนี้จ่ายน้ำประปาลอดใต้ทะเลได้แล้ว เต็มระบบ เป็นท่อประปาที่ยาวที่สุดใน ไทย ยังตอบสนองต่อสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้เกาะสมุย
มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว ได้มากยิ่งขึ้น