สุวัจน์”ขอบคุณนายก”ตู่”และรัฐบาล เร่งฟื้นฟูโคราชคืนสู่ภาวะปกติ
นายกฯ” มอบเงินครอบครัวเหยื่อกราดยิงโคราช ย้ำใช้เงินอย่างคุ้มค่า ขอโทษเหตุการณ์สูญเสีย พร้อมกำชับ “สุวัจน์” เร่งประสานทุกภาคส่วนฟื้นฟูโคราชกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
วันที่ 19 ก.พ. 63 เวลา 11.00 น.
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวขอขอบคุณรัฐบาลและพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เดินทางมาที่โคราชและได้รวบรวมกองทุนต่างๆ ที่สามารถที่จะมาเยียวยาผู้เสียชีวิตและญาติและผู้บาดเจ็บรวมทั้งเงินบริจาคพี่น้องประชาชนชาวโคราชจากภาคเอกชนได้ร่วมกัน
ซึ่งวันนี้ก็ได้มีการมอบเงินช่วยผู้เสียชีวิตญาติพี่น้องและผู้บาดเจ็บ ถือว่าเป็นการเยียวยาที่ได้ดำเนินการกันอย่างเรียบร้อย ก็ต้องขอขอบพระคุณ
และหลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทุเลาลงแล้ว ผมคิดว่าต่อไปก็ต้องเป็นเรื่องของความร่วมมือทางรัฐบาล ภาคเอกชนผู้ประกอบการในการที่จะช่วยกันฟื้นฟูสภาพของเมืองโคราช ความเชื่อมั่นทางด้านการลงทุน ด้านการท่องเที่ยว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าเรามีทั้งเรื่องโคโรน่าไวรัส และเหตุการณ์ที่โคราช ฉะนั้น ตอนนี้เรามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการในลักษณะที่จะต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาสู่จังหวัดนครราชสีมา มาลงทุนได้มาท่องเที่ยวได้แล้วจะต้องนำมาซึ่งความรักความสามัคคีของคนในโคราช ฉะนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลได้รับทราบอยู่แล้วภาคเอกชนรวมทั้งพี่น้องประชาชนท้องถิ่นต่างๆ ที่เราควรจะต้องมีความร่วมมือกันในการสร้างกิจกรรมต่างๆที่จะเป็นกิจกรรมสะท้อนให้เห็นถึงความน่าอยู่ ความเรียบร้อย ความมั่นใจในทุกๆอย่างที่มีในจังหวัดนครราชสีมา อย่างกรณี Korat Strong เป็นสัญญาณให้เห็นว่าเราจะต้องเข้มแข็งขึ้น ต้องแข็งแรง
แต่จากนี้ไปควรจะต้องเป็นมาตรการอะไรที่ออกมาเป็นภาพที่ชัดเจนว่าจะมีมาตรการอะไรที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว มาตรการอะไรที่จะกระตุ้นการลงทุน และมาตรการอะไรที่จะทำให้คนโคราช มีความสุข ความรักสามัคคี ซึ่งในที่ประชุมหลังการมอบเงินก็ได้มีการคุยกันในเรื่องนี้ คือ
“นายกอยากเห็นทุกฝ่ายร่วมมือกันในการที่จะนำโคราชกลับคืนมาเหมือนเดิม ฉะนั้น ท่านบอกว่าเราต้องมีเป็นปึกแผ่น และอยากจะเห็นให้มีกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เป็นความร่วมมือกันในการที่จะดึงภาพว่าโคราชมท่องเที่ยวได้ มาลงทุนได้ โคราชยังมีความสุขเพราะฉันเกิดโคราช และท่านก็เป็นห่วงบุตรหลานของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายๆ คนจะมีปัญหาเรื่องการศึกษาท่านฝากให้ช่วยดูเรื่องการศึกษาช่วยประสานให้เกิดความเรียบร้อยคือ ท่านเป็นห่วงว่านอกจากเราจะเยียวยาจบแล้วหลังจากนี้ท่าอยากเห็นทุกคนมีชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ไม่เดือดร้อน และอยากเห็นบ้านเมืองโคราชกลับมาสู่ภาวะปกติ ท่านก็เหมือนกับว่ามีอะไรให้ช่วยกัน ช่วยกันนะครับในลักษณะแบบนี้”
นายสุวัจน์ กล่าวและย้ำว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจก็ได้มีการหารือกับท่านนายกฯ ท่านผู้ว่าฯ
ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของโคราชคิดว่าจะมีการเชิญชวนทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน หอการค้า อุตสาหกรรม สภาการท่องเที่ยว อบจ.นายกเทศมนตรี และมหาวิทยาลัยต่างๆ คือ เหมือนตอนนี้เราต้อง Strong together แข็งแกร่งและด้วยกัน หมายความว่า ทุกคนต้องมาร่วมมือกัน ที่ผ่านมาน้ำใจคนโคราชก็ได้ แสดงให้เห็นว่าคนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกันดูจากเงินบริจาคที่ทางจังหวัดดำเนินการเองได้ถึง 80 ล้านบาท รวมทั้งที่รัฐบาลให้ถือว่าเป็นเงินที่มากพอสมควร ที่แสดงถึงน้ำใจของคนโคราชฉะนั้น ผมคิดว่าพื้นฐานที่เรามีอยู่เราสามารถที่จะนำบ้านเมืองของเราโคราชกลับมาสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว
”ตอนนี้บ้านเมืองเราก็ผ่านวิกฤติอะไรมาหลายๆ เรื่องติดต่อกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องโคโรน่าไวรัสเราก็ฝ่าฟันกัน เรื่องโคราชเราก็สามารถที่จะยุติเหตุการณ์ได้ เรื่องเศรษฐกิจงบประมาณที่มีปัญหาเราก็มีทางออกกันตอนนี้เรื่องใหญ่ๆ ทางการเมืองก็คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถสำเร็จเรียบร้อยก็คือว่าจบ
ผมคิดว่าก็เหมือนรัฐบาลก็คงจะมีเวลาเพราะที่ผ่านมา ทุ่มเทสักพักกำลังทุกอย่างไปโฟกัสกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างเรื่องโคโรน่า แม้จะไม่ใช่ปัญหาของเราแต่เราก็ต้องป้องกันคนของเรา เรื่องงบประมาณที่เราเป็นห่วงว่าจะมีเงินมาดูแลเรื่องเศรษฐกิจมั้ยศาลท่านก็หาทางออกให้แล้ว ฉะนั้น ก็เหลือเรื่องทางการเมืองถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกันเป็นเรื่องที่ทำหน้าที่ด้วยกันทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่ายค้านรัฐบาล”
“ผมคิดว่า ถ้าเรื่องอภิปรายจบผมมองว่ารัฐบาลก็จะมีเวลาเพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจปีหนึ่งมีครั้งเดียว จากนี้ไปเหมือนเมื่อเราผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาแล้วจากนั้นรัฐบาลก็จะมีเวลามาแก้ไขปัญหาของประเทศ อยากจะเป็นกำลังใจให้การทำงานต่างๆเป็นไปได้ด้วยความคาดหวังของพี่น้องประชาชน
ก็อยากให้มีความร่วมมือกันรัฐบาลสามารถที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงๆ”นายสุวัจน์ กล่าว
สำหรับประเด็นเสถียรภาพของรัฐบาลนั้น นายสุวัจน์ บอกว่า
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทุกๆรัฐบาลก็จะเจอการอภิปรายไม่ไว้วางใจถ้าเปรียบเหมือนกีฬาก็เป็นทัวร์นาเมนต์ประจำปี ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล รัฐบาลก็ทำหน้าที่บริหารก็เป็นเวทีที่ทำให้เกิดการโปร่งใสในระบอบประชาธิปไตยตรวจสอบได้ ทุกฝ่ายต้องทำหน้าที่กัน แต่จะด้วยวิธีการใดก็ตามผมเชื่อว่าในที่สุดแล้วข้อบังคับหรือประธานสภาท่านก็ต้องควบคุมเกม เพื่อให้การทำงานทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยดี ในการชี้แจ้งก็เป็นเรื่องของรัฐมนตรีแต่ละท่าน
“ฝ่ายรัฐบาลถึงแม้จะดูว่าเสียงน้อยได้ 250 ต้นๆ แต่ผมดูแล้วรัฐบาลก็ยังมีเอกภาพ มีเสถียรภาพที่มีความมั่นคง ฉะนั้น ต้องแยกกันในแง่ของเอกภาพของเสียง ผมคิดว่าถึงแม้จะ 250 เสียงต้นๆ แต่วันนี้ ยังไม่มีความขัดแย้งกัน ยังอยู่ด้วยกันอย่างดีมีความเข้าใจกัน ฉะนั้น เอกภาพของคะแนนของรัฐบาลยังมีเสถียรภาพที่ดีอยู่” นายสุวัจน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ได้มอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จำนวนทั้งสิ้น 34 ล้าน 8 แสนบาท โดยมอบให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวน 24 ราย จากทั้งหมด 27 ราย รายละ 1 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บสาหัส 19 ราย จาก 21 ราย รายละ 2 แสนบาท และบาดเจ็บไม่สาหัส 32 ราย จากทั้งหมด 36 ราย รายละ 1 แสนบาท สำหรับที่เหลือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาจะได้ประสาน ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้ตามภูมิลำเนา นอกจากนี้ยังมอบเงินค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 ของกระทรวงยุติธรรมด้วย
นอกจากนี้ นายกฯ ยังนำหลวงปู่ทวดรุ่นร่วมใจสร้างมหาเจดีย์ พุทคยา จำนวน 200 องค์ มามอบให้ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงประชาชน รวมถึงจะมอบให้ประชาชนที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ด้วย