คืบ แม่ลูกถูกฟ้าผ่ากลางไร่มัน ลูกชาย เผย ไปรับจ้างปลูกมันเพื่อหาเงินซื้อของเข้าหอพัก แต่กลับเกิดเหตุสลด ภาพยังติดตา รู้สึกเสียใจ ไม่ขอเรียนต่อ จะอยู่ทำงานช่วยดูแลพ่อและพี่สาว
นครราชสีมา-ความคืบหน้ากรณี เหตุฟ้าผ่าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 16 เมษายน 2564 ที่บริเวณไร่มันสำปะหลังบ้านโคกเขา ต.โคกมะมาวง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นรอยต่อกับอ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้นางบัวริน เจียมรัมย์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ .19 ต.โคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ และนายพิสิฐ เจียมรัมย์ อายุ 17ปี ลูกชายนางบัวรินฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเพื่อนคนงานรับจ้างปลูกมันสำปะหลัง เล่าเหตุการณ์ว่า นางบัวรินฯ ผู้เสียชีวิตและลูกชาย ได้มารับจ้างปลูกมันสำปะหลังที่บริเวณดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนร่วมงานประมาณ 20 คน ซึ่งหลังจากพักกินข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้ว ช่วงเวลาประมาณ 13.00น. ยังมีแสงแดด ไม่มีฝน แต่มองไปไกลๆ เห็นเป็นเมฆฝน และก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงฟ้าร้อง จึงได้พากันปิดโทรศัพท์ แยกย้ายกันนั่งพักผ่อนรอจะลงทำงานต่อ แต่ ระหว่างนั้น ได้ยินเสียงฟ้าร้องไกลๆ ได้เตือนนางบัวรินฯ และลูก อย่าไปอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ แต่นางบัวรินฯ เห็นว่าเป็นร่มเงาดีและยังมีแดดแรง ฝนไม่ตก จึงไปนั่งอยู่ใต้ต้นประดู่ขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10 เมตรกับลูกชาย ซึ่งต่อมาได้มีเสียงฟ้าผ่าฟาดลงมาตรงบริเวณต้นประดู่ หันไปดูอีกทีเห็นนางบัวรินฯ ล้มลงแล้ว เสื้อผ้ามีรอยไหม้และมีเลือดออก จึงได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำออกจากที่เกิดเหตุในระยะที่คิดว่าปลอดภัย ก่อนจะโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจาก โรงพยาบาลประคำ จนในที่สุดนางบัวรินฯ ได้เสียชีวิตลงตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุด วันนี้ (18 เมษายน 2564) ผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่สอบถาม นายพิสิฐ เจียมรัมย์ อายุ 17 ปี ลูกชายของนางบัวรินฯผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเพิ่งจะสอบติดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ได้ไปจ่ายเงินพร้อมที่จะเรียนซึ่งมีแม่ไปด้วย และกำลังจะเข้าหอพัก แต่จะต้องซื้อของ เตรียมของหลายอย่าง จึงได้คุยกับนางบัวรินฯ ว่า จะทำยังไงถึงจะได้เงินมาซื้อของเข้าหอ นางบัวรินฯ บอกว่า ก็ไปรับจ้างปลูกมันสำปะหลัง จะได้มีเงินซื้อของเข้าหอ ตนก็เลยได้ไปรับจ้างปลูกมันกับแม่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งตนยังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จำได้ไม่ลืมเพราะว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ตอนนี้ยังรู้สึกเสียใจ และก็คงไม่เรียนต่อแล้ว เพราะว่าขออยู่ที่บ้านช่วยเหลือพ่อทำงานดีกว่า เพราะที่บ้านเหลือแค่พ่อและพี่สาว เป็นห่วงพ่อว่าจะทำงานหาเงินเพียงคนเดียวและจะส่งให้ตนเรียนไม่ไหว ส่วนพี่สาวทำงานที่โรงงานก็กลับดึก กลัวไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนพ่อ จึงคิดว่าจะไม่เรียนต่อ ขออยู่ช่วยพ่อทำงานที่บ้านดีกว่า นายพิสิฐฯ กล่าว.
//////////ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา