มีนา!! เอ็มโอยู ธ.ทหารไทย-ธนชาต ควบรวม

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ฝ่ายบริหารของธนาคารเร่งกระบวนการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยกับธนาคารธนชาต ให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด คาดภายในเดือนมีนาคมนี้ ธนาคารทั้งสองแห่งจะร่วมลงนามในข้อตกลงควบรวมกิจการ หรือ MOU ร่วมกันได้ จากนั้น จะใช้เวลาอีกราว 3-4 เดือนในการพิจารณารายละเอียดของการควบรวม โดยเฉพาะในเรื่องที่จะเกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงภายหลังควบรวม

สำหรับท่าทีของกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นจะใส่เงินเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นหรือไม่ ขณะนี้ กระทรวงการคลัง มองว่า การใส่เงินเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเป็นที่จะทำให้เกิดความคุ้มค่า เพราะเห็นโอกาสเรื่องผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นหลังแบงก์ทั้งสองได้ควบรวมกิจการกันแล้ว โดยขนาดของแบงก์ใหม่จะใหญ่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5 หรือ 6 จากปัจจุบันธนาคารทหารไทยอยู่ในอันดับ 6 ของแบงก์ในระบบ ขณะเดียวกัน แบงก์ใหม่จะมีทุนเพียงพอต่อการแข่งขันทางธุรกิจ และ สามารถทำกำไรได้อีก ทั้งนี้ หลังควบรวมกิจการแล้ว หุ้นของกระทรวงการคลังไม่ได้รูดลงมาก เหตุที่ธนาคารทหารไทยเลือกที่จะควบรวมกิจการกับธนาคารธนชาติแทนที่จะเป็นธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)เพราะเราเห็นว่า ธนาคารธนชาตมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน หากจะต้องใส่เงินเพิ่มทุน ก็จะไม่เกินกำลังที่กระทรวงการคลังจะใส่ได้ นอกจากนี้ ธนาคารแห่งนี้ ยังมีความสวยที่เราไม่มี นั่นคือ ธุรกิจเช่าซื้อ ฉะนั้น เมื่อควบรวมแล้ว จะทำให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์การควบรวมกิจการระหว่างสถาบันการเงิน จึงผลักดันให้มีนโยบายภาษีเพื่อส่งเสริมการควบรวมกิจการ ซึ่งในระยะแรก หรือ 3 ปีก่อนหน้า ทางกรมสรรพากรและสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเห็นว่า แม้จะมีมาตรการมาสนับสนุนก็จะไม่มีแบงก์ใดยอมที่จะควบรวมกิจการกันได้ กระทั่งเห็นประโยชน์ของการควบรวมกิจการจริง จึงสนับสนุนนโยบายดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูล :