ช้างป่ากุยบุรี สู้กันจนตกเขาตาย พบถูกงาแทงเข้าคอ
ช้างป่ากุยบุรี สู้กันจนตกเขาตาย สัตวแพทย์พบรอย ถูกงาแทงเข้าคอ ใต้ใบหู เลือดตกใน
จากกรณี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เข้าตรววจสอบ ซากช้างป่า เพศผู้ อายุ่ไม่ต่ำกว่า 35 ปี น้ำหนักกว่า 2 ตัน มีงานคู่ยาวกว่า 1 เมตร ที่เหนืออ่างเก็บน้ำ บ้านย่านซื่อ ม.9 ใกล้หนองตารด ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบร่องรอยการลื่นไถลเป็นทางยาวกว่า 30 เมตร จากเชิงเขาที่มีความสูงชันกว่า 50 องศา ต
ตรวจสอบด้านบนพบ รอยเท้าช้างป่าหลายรอยเท้า มีต้นกระชิด ขนาดใหญ่หัก 2 ต้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ช้างป่าตัวดังกล่าวน่าจะต่อสู้กับช้างป่าด้วยกัน แล้วเกิดพลัดตกเชิงเขาลงมาได้รับบาดเจ็บสาหัสและตายในที่สุดจามที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันเดียวกัน วันที่ 4 มี.ค. นายสวัสดิ์ ทวีรัตน์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 สาขาเพชรบุรี พร้อมด้วย นายวัฒนา พรประเสริฐ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 สาขาเพชรบุรี สพ.ญ.กชพร พิมพ์สิน นายสัตว์แพทย์สถานีเพาะเลี้ยวสัตว์ป่าห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเจ้าหน้าที่สัตวบาล
เดินทางเข้าตรวจสอบซากช้างป่า โดยมี พ.ต.อ.สมฤกษ์ ชัยสุกัญญาสันต์ ผกก.สภ.บ้านยางชุม, พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รองผู้บังคับหน่วย ฉก.จงอางศึก กกล.สุรสีห์, ร.ท.จตุรัตน์ สอนพรม หน.ชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่ 1210 ภาค1 ส่วนแยก 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค1 จ.กาญจนบุรี, จ.ส.อ.อภิเชษ ชาแสน หน.ชุดหมวด รส.2 พื้นที่ อ.กุยบุรี และ ตชด.1451 กก.ตชด.14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ร่วมตรวจสอบ
นายสวัสดิ์ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรีว่า ในช่วง 2-3วันก่อนหน้า มีเสียงช้างป่าร้องดังใกล้ที่ทำการอุทยานฯ น่าจะเป็นช่วงที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบจุดที่พบซากช้างป่านั้น มีร่องรอยการไถลลื่นจากเขาสูงชันกว่า 50 องศา มีรอยเท้าช้างเดินย่ำไปทั่ว เชื่อว่าช้างป่ามีการต่อสู้กันเนื่องจาก จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่หากินและชิ้นส่วนช้างโดยเฉพาะงายาวยังอยู่ครบ จึงไม่น่าจะเป็นประเด็นการลักลอบเข้ามาล่าช้างในพื้นที่
ขณะที่ นายวัฒนา กล่าวว่า หลังจากทีมแพทย์ผ่าซากช้างป่า จะทำการขุดหลุมฝังในพื้นที่ที่พบซากช้างป่า โดยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและชาวบ้านในพื้นที่จะช่วยกันขุดหลุมขนาด กว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร ลึกไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าเชิงเขามีความลาดชันสูง ไม่สามารถนำรถแบ็คโฮเข้ามาในเขตป่าอุทยานฯได้ อีกทั้งการเผาซากช้างป่าเป็นอันตราย ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเนื่องจากเข้าสู่ฤดูแล้ง การเผาอาจลุกลามกลายเป็นไฟป่าได้
นายทัศเนศวร์ กล่าวว่า ได้ประสานให้ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ นำเครื่องสแกนโลหะ มาตรวจสอบซากช้างป่า ซึ่งตรวจไม่พบวัตถุโลหะที่ซากช้าง จากนั้นทีมสัตวแพทย์ได้ทำการผ่าซากช้างป่า โดยพบร่องรอยช้ำที่อวัยวะภายในบริเวณส่วนท้องของช้างป่า มีเลือดตกภายใน และยังพบรอยช้ำลักษณะคล้ายถูกงาแทงที่ใต้ใบหูและบริเวณลำคอเพิ่มด้วย
โดยสันนิฐานว่า รอยช้ำที่บริเวณใต้ใบหูและลำคอที่มีลักษณะเป็นจุดแต่ไม่มีแผลจากทางผิวหนังของช้าง น่าจะเกิดจากการต่อสู้กันเป็นรอยถูกแทงด้วยงาช้าง ส่วนรอยช้ำที่อวัยวะภายในบริเวณช่องท้องนั้น น่าจะมาสาเหตุมาจากการพลัดตกเขาลงมากระแทกกับต้นไม้และก้อนหินอีกทอดหนึ่ง
ส่วนงาช้างป่าความยาวประมาณ 1 เมตร 20 เซนติเมตร จะทำการถอดออก พร้อมถ่ายภาพทำบันทึกรายละเอียด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนงาช้างคู่นี้เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทางกฎหมายแล้ว จะต้องนำส่งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเพื่อเก็บรักษาไว้
โดยหลังจากที่ทีมสัตวแพทย์ ผ่าซากช้างเพื่อทำการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ ได้แก่ ชิ้นส่วนหัวใจ ตับ ไต กระเพาะอาหาร ฯลฯ เพื่อส่งตรวจที่ ห้องปฎิบัติการคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อตรวจสอบหาสารพิษ และเชื้อโรคอื่นภายในชิ้นเนื้อ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
ด้านนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนัน ต.หาดขาม กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่พบช้างป่าตาย ตัวนี้ตัวใหญ่และงายาวสวยงามมาก ภาวนาให้เป็นการตายตามธรรมชาติ เชื่อมั่นว่าชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีใครทำร้ายช้างป่าแน่นอน โดยในเดือนนี้มีวันช้างไทย ชาวบ้านและอุทยานเตรียมจัดงานใหญ่เพื่อทำบุญให้กับช้างป่าที่ตายในป่ากุยบุรีทั้งหมดด้วย
ขอบคุณ ภาพ/ข้อมูล : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2273438