“สนธิรัตน์” จี้ กกต. แจงรายละเอียด ยัน ไม่ตั้งรัฐบาล รอรับรองผล เป็นทางการก่อน
กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐประชุมร่วมกับประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งและแกนนำพรรครายภาคกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนทั้งร่วมแถลงจุดยืนทางการเมือง ขอให้ทุกฝ่ายเคารพเสียงประชาชน ไม่ควรใช้วาทกรรมอ้างความชอบธรรมฝ่ายเดียว เพราะอาจเกิดความขัดแย้ง และจะไม่ประกาศตั้งรัฐบาลจนกว่า กกต.จะรับรองผลอย่างเป็นทางการ พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวทุ่มเงินซื้อ ส.ส.พรรคอื่น เพื่อให้ยกมือโหวต พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมถามกลับว่า จะคนอื่นมาซื้อ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐบ้างหรือไม่
นี่คือท่าทีล่าสุดของพรรคพลังประชารัฐ หลังประชุมร่วมประธานยุทธศาสตร์แต่ละภาคนาน 5 ชั่วโมง เช่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายอนุชา นาคาศัย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายสุชาติ ตันเจริญ โดยนายสนธิรัตน์บอกว่า บรรยากาศการเมืองขณะนี้น่าเป็นห่วง เพราะใช้คำพูดปักหมุดแล้วขยายผล บางครั้งไม่ใช่ข้อเท็จจริง เช่น ระบุว่ามีการซื้อตัว ส.ส. จากพรรคอื่น
พรรคพลังประชารัฐจึงออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดใช้เสียงประชาชนสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองเพียงฝ่ายเดียว เพราะอาจเกิดความขัดแย้ง และว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะมีเงื่อนเวลาพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทุกพรรคเจรจากันได้ แต่ยังไม่มีผลทางการเมือง และพรรคพลังประชารัฐจะไม่ประกาศตั้งรัฐบาลจนกว่า กกต.จะรับรองผลคะแนนอย่างเป็นทางการ แต่จะทำงานและเตรียมร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุด
นายสนธิรัตน์ยัง เรียกร้องให้ กกต.ชี้แจงความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมดเช่น การประกาศคะแนนที่ล่าช้า การนับคะแนนบัตรดี บัตรเสีย และระบบการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อซึ่งพรรคมีคะแนนรวมมากขึ้น จาก 7 ล้านกว่าคะแนน เป็น 8 ล้านกว่าคะแนน แต่กลับมีตัวเลข ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลง
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกสารนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า การทำงานของรัฐบาล คสช. เหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานภาครัฐได้ใช้ความพยายามอย่าที่จะสร้างความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง สร้างความรัก ความศรัทธาต่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพื่อประเทศชาติและประชาชนอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคน
ข่าวสารการรวมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคต่างๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกังวลอยู่เวลานี้ ไม่อยากให้มองว่าเป็นการมุ่งเน้นการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว หากแต่เป็นการรวมกลุ่มกัน เพื่อทำความดีให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน และขจัดคนไม่ดีหรือคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายออกไป สื่อต่างๆ ขอให้นำเสนอข่าวอย่างพอเหมาะพอควร เพราะความขัดแย้งการขาดความรักความสามัคคีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายล้วนแล้วแต่เป็นอุปสรรคที่สำคัญของความสงบสุขเรียบร้อย การพัฒนา และการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ