ชาติพัฒนากล้า กระทู้ถามสด โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ติดตามการเปิดใช้ตลอดสายอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนากล้า กระทู้ถามสด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา หรือที่เรียกว่า motor way สายบางปะอิน – โคราช มีระยะทางความยาว 196 กม.ถือว่าเป็นโครงการหนึ่งที่สำคัญ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถด้านการคมนาคมขนส่ง ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งระหว่าง กรุงเทพมหานคร ไปยังโคราชและภาคอีสาน รวมทั้งประเทศในกลุ่มอินโดจีนที่มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล มีความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้ใช้ถนนมิตรภาพ ดังนั้น motor way สายนี้ จึงเป็นความหวังใหม่ สำหรับพี่น้องชาวโคราชและชาวอีสาน รวมทั้งพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะใช้ถนนเส้นนี้อยู่

ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่ได้เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน ได้ใช้เส้นทางสายนี้ ในช่วงที่การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จไปแล้ว คือ ช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องไปจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ สำหรับรถยนต์สี่ล้อ โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง

จึงใคร่ขอถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดังนี้
1.ความล่าช้าของการก่อสร้างของโครงการนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุใด และในขณะนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว การที่กระทรวงคมนาคมได้เปิดใช้งานบางส่วน ในช่วง ปากช่อง-นครราชสีมา โดยไม่เก็บค่าผ่านทางจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จสมบูรณ์นั้นถือว่าประชาชนได้รับประโยชน์ และได้รับความสะดวกมากในระดับหนึ่ง และถามว่าจะเปิดให้บริการประชาชนได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์เมื่อใด จะเสร็จทันภายในปี 2567 นี้หรือไม่
2.ช่วงเส้นทางที่เปิดให้ประชาชนได้ใช้คือ ช่วงปากช่อง-นครราชสีมานั้น ปรากฏว่าสภาพของผิวจราจร ยังไม่ได้คุณภาพและมาตรฐานที่ดีพอ กล่าวคือผิวถนนมีความขรุขระไม่เรียบ ทำให้รถเกิดความสั่นสะเทือนกระโดดขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาขณะวิ่งในหลายจุด โดยเฉพาะช่วงบริเวณคอสะพาน และตรงรอยต่อระหว่างพื้นคอนกรีต
ท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
3.เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และสามารถเปิดใช้งานได้แล้ว อัตราค่าผ่านทางที่จะจัดเก็บ จากผู้ใช้บริการ ตลอดเส้นทางจะเป็นจำนวนเงินเท่าใด เพราะถ้าหากเรียกเก็บในอัตราที่สูงเกินไปแล้ว ก็อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้

ด้าน นางมนพร เจริญศรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตอบกระทู้ถามสดความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข M 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม.ว่าแบ่งเป็นงานโยธาสําหรับก่อสร้าง 40 สัญญา งานระบบที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางทั้งสิ้น 9 ด่าน 1 สัญญา ปัจจุบันมีความก้าวหน้างานโยธาก่อสร้าง จํานวน 29 สัญญาและอยู่ในระหว่างการก่อสร้างทั้งสิ้น 11 สัญญาณ โดยให้ก่อสร้างแล้วเสร็จทุกสัญญาภายในเดือนธันวาคมปี 2568 โดยมีเป้าหมายสามารถที่จะเปิดทดลองให้บริการฟรีตลอดเส้นทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ถึง 2569 และพร้อมที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบและเริ่มเก็บค่าผ่านทางใน ช่วงต้นปี 2569

นางมนพร กล่าวว่าโครงการ M 6 เกิดจากการดําเนินการก่อสร้างที่มีขั้นตอนต่างๆ อยู่ 4 ประเด็นซึ่งเป็นขั้นตอนและเป็นสาเหตุที่ทําให้งานล่าช้า คือ
1.สภาพพื้นที่ในสถานที่ทำการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
2.ปรับปรุงรูปแบบทางวิศวกรรมให้สอดคล้องกับพื้นที่ในปัจจุบัน
3.ปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับโครงสร้างสาธารณูปโภค ความจำเป็นของหน่วยงาน
4.ปรับรูปแบบก่อสร้าง เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนในพื้นที่

ส่วนประเด็นในเรื่องของพื้นผิวจราจรหรือคอสะพานที่จะเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุนั่น ขณะนี้ได้กําชับแล้วได้ลงไปดูจุดแต่ละจุดทุกพื้นที่ของเส้นทาง
ดังกล่าว กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวงได้มีความใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยเรื่องของผิวจราจร เรื่องของรอยต่อของสะพานคอนกรีต หากเกิดมีอุบัติเหตุทางใดขอให้โทรติดต่อเครือข่ายของกระทรวงคมนาคมได้ที่หมายเลข 1586

สำหรับเรื่องของการกําหนดค่าธรรมเนียมบนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งเปิดให้บริการเต็มรูปแบบมีระเบียบของการเก็บค่าธรรมเนียมตาม กฎกระทรวงของคมนาคมที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เรื่องการกําหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6
โดยค่าธรรมเนียมผ่านทางได้ติดตามระยะทางและประเภทของรถยนต์ดังนี้
1.รถยนต์ 4 ล้อ มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ราคา 10 บาททและคิดค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง 1.25 บาท ต่อ 1 กม.
2.รถยนต์ 6 ล้อ ค่าธรรมเนียมแรก เข้า 16 บาท และคิดค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง 2 บาท ต่อ 1 กม.
3.รถยนต์ที่มากกว่า 6 ล้อ ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 23 บาทและคิดค่าธรรมเนียมตาม ระยะทางที่ใช้จริง 2.88 ต่อ 1 กม ซึ่งพี่น้องประชาชนที่ใช้ เส้นทางก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง