สุวัจน์ มอบพระชัยเมืองนครราชสีมา ให้นายกฯเศรษฐา
เพื่อเป็นกำลังใจให้เกิดความสำเร็จในการบริหารประเทศชาติ
วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา พร้อมด้วย รศ.ดร. อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา ได้มอบพระชัยเมืองนครราชสีมาให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 4/2567 ณ หอประชุม ราชภัฏรังสฤษฏ์
จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2567
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีได้มาประชุมครม.ที่โคราช และใช้สถานที่ภายในมหาวิทยาราชภัฎนครราชสีมาในวันนี้ ทางมหาวิทยาลัยก็ได้มอบพระชัยเมืองนครราชสีมา ให้กับท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล พระชัยเมือง นั้นถือว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ประจําจังหวัดนครราชสีมา มีอายุหลายๆร้อยปี และชาวจังหวัดนครราชสีมาก็ได้นํามาสร้างอีกหลายรุ่น สร้างแต่ละครั้งก็จะมีพี่น้องประชาชนนําไปบูชาเพื่อการเป็นสิริมงคล ถือว่าเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์ วันนี้ก็ได้มอบให้ท่านนายกฯ
“ขอให้พระชัยเมืองนครราชสีมา ได้ให้พรท่านนายกฯ ให้ท่านมีกําลังใจทํางาน เพื่อบ้านเมืองประสบความสําเร็จในการแก้ไขปัญหาต่างๆ”
นายสุวัจน์ กล่าวว่าพระชัยเมือง มีความเก่าแก่ เป็นพระที่มีอักขระจานอยู่บนองค์พระ ปกติพระพุทธรูปผิวขององค์พระก็จะเรียบๆ แต่ของพระชัยเมือง จะมียันต์มีอักขระที่จานไว้บนองค์พระ ซึ่งตนก็ได้อธิบายความพิเศษความศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านนายกฯ ฟัง
นายสุวัจน์ กล่าวว่าบรรยากาศในการประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ Move and Tone เศรษฐกิจเมืองโคราชก็คึกคักโรงแรมเต็มหมดร้านอาหาร ร้านค้าอะไรต่างๆ แต่ว่าภาพรวมการประชุม ครม.ก็คงจะได้มีการสะท้อนปัญหา สะท้อนโครงการ สะท้อนโอกาส สะท้อนอะไรที่สามารถจะต่อยอด ผมว่าใน 4 จังหวัดนครชัยบุรินทร์ คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ มีพื้นฐานของเศรษฐกิจ มีวัตถุดิบที่รัฐบาลสามารถนําไปต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่ม GDP ให้กับประเทศวัตถุดิบที่ว่านี่ก็คือ สินค้าเกษตร ซอฟต์พาวเวอร์ และแหล่งท่องเที่ยว
เพราะฉะนั้น วันนี้ สินค้าเกษตร ซอฟต์พาวเวอร์ และท่องเที่ยว คือ ปัจจัยหลักที่จะกอบกู้เศรษฐกิจในดินแดนของ 4 จังหวัด ที่มีครบถ้วนซึ่งจะต่อยอดอย่างไร การที่ครม.มาประชุมที่นี้ ท่านรัฐมนตรีทุกกระทรวง ข้าราชการ ก็จะเป็นประโยชน์และนําไปสู่นวัตกรรม หรือนําไปสู่โครงการอะไรที่สามารถจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย