“กลุ่มนักธุรกิจ sme พ่อค้าโคราชเปิดใจเชิญ”สุวัจน์” เป็นเสาหลัก คลังสมอง ขับเคลื่อนโคราช กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

“สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” มองโอกาส และบทบาทของโคราช หลังโควิด กับ นักธุรกิจ SME พ่อค้า แม่ค้า ชาวโคราช กว่าร้อยคนที่เดินทางมาแลกเปลี่ยน และเชิญให้กลับมาเป็นเสาหลักในการเป็น นายธง นำการพัฒนาโคราช ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจาก น้าชาติ พลเอก ชาติชาย
ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เคยสร้างโคราช เป็นปฐมบท ในมิติ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า

ครั้งนี้ สุวัจน์ ได้มองโอกาส ของโคราชที่เป็นเมืองที่มีจุดแข็งหลายด้าน มีระบบการคมนาคมที่ทันสมัย พร้อมทั้งมอร์เตอร์เวย รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง สนามบิน อีกทั้งโคราช เป็นเมืองมรดกโลกในด้าน ธรรมชาติป่าไม้เมืองร้อน และ จีโอปาร์ค ที่กำลังลุ้นให้โคราชเป็นหนึ่งใน 3 ประเทศของโลกที่มีมรดกโลกถึง 3 ประเภท สำคัญที่สุด โคราชมีวิถีวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ ที่สวย งดงาม สามารถสร้างการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับธรรมชาติที่ไม่เหมือนจังหวัดอื่นๆ โคราชเป็นแหล่งผลิตผลทางการเกษตร มันสำปะหลัง ข้าวโพด สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นครัวโลกได้ โคราชวันนี้ มีโอกาส ขออย่าท้อ ต้องช่วยกันสร้างโคราชไปด้วยกัน โดยที่นายสุวัจน์ ยินดีกับคำเชิญ ของกลุ่ม นักธุรกิจ SME พ่อค้า แม่ค้า พร้อมจะนำความรู้ ประสบการณ์ ต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และ การทำธุรกิจ มาเป็น คลังสมอง ในการต่อยอด และเป็นธงชัย ในการชี้ และพร้อมให้ลงมือร่วมกับคนโคราช

วันที่ 21 มีนาคม ที่มูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตึง จ.นครราชสีมา กลุ่มตัวแทนพ่อค้า นักธุรกิจ ชาวบ้านกว่า 100 คน รวมตัวกันเชิญ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรมว.อุตสาหกรรม ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.เขต 2 จ.นครราชสีมา ชพน.และพอ.วินัย สมพงษ์ อดีตรมต.คมนาคม หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาเมืองโคราชให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ “ยุคโคราชคือประตู่สู่อีสาน ประตูสู่อินโดจีน”
โดย นายรังสรรค์ อินทรชาธร รองประธานมูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตึ้ง แสดงความเห็นว่า การพัฒนาประเทศ ถ้าเรายัง ไม่ให้อำนาจกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่มีทางเจริญ ผมจึงอยากนำเสนอ ท่านสุวัจน์ ซึ่งอยู่ในศูนย์กลางอำนาจการปกครองประเทศ ที่สามารถนำเสนอได้ อยากให้ช่วยผลักดันโคราชของเรา มีการบริหารจัดการในลักษณะการปกครองแบบกรุงเทพมหานคร มีการเลือกผู้ว่าฯ แล้วต่อไปองค์กรต่างๆ จับมือกันเรากล้ารับข้อมูลต่างๆ เพื่อมาพัฒนา

2.ปัจจุบันชีวิตเราขึ้นตรงกับสาธารณสุข เป็นตัวขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งมันไม่ใช่ โควิดเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 ต้องใช้ระบบสงครามโลกมาพัฒนาเมือง แต่เรากลับใช้ระบบสาธารณสุข มาพัฒนาเมือง มันเลยทำให้ปัญหาเศรษฐกิจของเราแย่ โคราชมี 32 อำเภอ มีประชากรสองล้านกว่าคน มีประชากรแฝงอีกล้านกว่าคน สามล้านสี่ล้านคน บางอำเภอไม่มีโควิดเลย แต่สาธารณสุขเข้มงวดจนเราไม่สามารถทำธุรกิจได้เลย มันต้องมีช่องว่างในการแก้ไขปัญหาด้วย พวกกลุ่มผมมี BitClube Sme และกลุ่มองค์กรธุรกิจ มานั่งคุยกัน ไม่ได้แล้ว เราไม่พึ่งพาจากหน่วยงานราชการ เราต้องยืนบนลำแข้งตัวเอง จึงตั้งกลุ่ม “โคราชรุ่งเรือง “เราปลุกระดมให้ทุกคนออกมาจ่ายเงินใช้เงิน ซื้อของ ถามว่าคนโคราชมีเงินไหม มีเยอะแยะมาก คนไปซื้อของบนแพลตฟอร์มใหญ่ Lasada / shoppee วันหนึ่งเยอะไปหมด ถามว่าไม่ซื้อของในโคราชบ้าง อันนี้แหละครับเงินมันออกไปหมด เงินไม่ได้อยู่ในโคราช พวกเรากลุ่มโคราชรุ่งเรือง ทุกคนกระตุ้นให้ใช้จ่าย อันนี้ฝากท่าน สุวัจน์ ถ้าสามารถช่วยผลักดันได้ เราไม่ต้องการเงิน เพราะกลุ่มโคราชรุ่งเรือง เราจะสนับสนุนการตลาดให้ เอสเอ็มอีและบิทคลับได้มีพื้นที่ขายของ คือ ผู้ซื้อ ผู้ขายมาเจอกัน ถ้าท่านมีโครงการอะไร ให้ท่านบอกพวกเรา เราจะช่วยขับเคลื่อนโคราชให้มีการหมุนเวียน

นายบุญชม จันทรสถาพร อดีตอธิบดีอัยการภาค 3 เสนอว่า 1.เรื่องการพัฒนา จังหวัดนครราชสีมา เรามีทางด่วนพิเศษ รถไฟความเร็วสูง ที่มีรากฐานมาจากท่านพลเอกชาติชายและ ท่านสุวัจน์ ปัจจุบันโคราชเติบโตมาก แต่เรายังไม่เห็นสนามบิน ผมอยากให้ท่านหาคำตอบ ทำอย่างไรถึงจะมีการผลักดันตัวนี้ขึ้นมาได้ 2. ทำอย่างไรให้จังหวัดนครราชสีมา เกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ 3.ขอฝากท่าน โคราชชาติพัฒนาลงเลือกตั้ง เทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อจะได้เพื่อพัฒนาเทศบาลนครราชสีมา ให้เป็นมหานครอย่างแท้จริง

เช่นเดียวกับ นายสายันต์ โกลาตี นายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญ เสนอว่า จังหวัดนครราชสีมาจะกลับมาเป็นมหานครอันยิ่งใหญ่ วิธีการที่จะไปจุดนั้น ต้องมีผู้นำที่มีทั้งบารมี ความสามารถ และคอนเนกชั่น นั่นก็คือ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ผมมองว่าน่าจะเป็นตระกูล ลิปตพัลลภ ซึ่งท่านได้แสดง ได้กระทำและติดตาม มาโดยตลอดระยะเวลา 35 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อท่าน (วิศว์ ลิปตพัลลภ) ได้มาพลิกโคราช ในปี 2530 – 2531 เป็นจุดแรกที่ได้นำความเจริญมาสู่ จังหวัดนครราชสีมา อย่างเป็นรูปธรรมแบบเอกชน ด้วยแนวความคิดต้องมีกลุ่มคนและผู้นำ ที่จะทำให้ความฝันเมืองโคราชเป็นมหานคร ซึ่งท่านต้องเป็นตัวหลักที่ต้องทำงานหนักขึ้นทำเพื่อจังหวัดนครราชสีมา ที่ตัวท่านคิดว่าเป็นเรือนตาย ขอให้ท่านลงมืออย่างจริงจังขึ้น

นางสาวสุรีวัลย์ จันทร์ประทักษ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในโคราชกว่า 1,200 กว่าราย เสนอผลักดันเรื่องสนามบินโคราช เนื่องจาก โคราชกำลังจะได้เป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจโดยนำร่องนำนักธุรกิจต่างชาติเหมาลำมาดูการลงทุนที่โคราช โดยเฉพาะเพื่อนบ้านกัมพูชา ลาว จีน เป็นการต่อยอดสายการบิน ในประเทศที่เป็นระยะไกลๆ อยากจะนำเรียนตรงนี้ ว่าท่านเป็นผู้มีบารมี มีศักยภาพ ในการสร้างให้เกิดขึ้นจริงๆ อยากฝากความหวังไว้ที่ท่าน เพื่อเป็นการเชื่อมโยงนักธุรกิจมองโอกาสและการลงทุนที่จังหวัดนครราชสีมา

จากนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ผมอยากเรียนว่าพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ถือว่ามีเป็นผู้ที่มีคุโณปการอันยิ่งใหญ่มากมายกับประเทศและจังหวัดนครราชสีมา ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผมโดยตรง เป็นผู้มีพระคุณกับตัวผมมากที่สุดท่านหนึ่งกับท่านพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ชีวิตผมจะผูกพันกับพลเอกชาติชาย ในทุกๆ มิติของความคิด แม้กระทั่ง ก่อนที่พลเอกชาติชาย ถึงอสัญกรรม วันนั้นจัดงานวันเกิดที่โคราช แล้วท่านก็บินไปผ่าตัดแล้วก็ถึงอสัญกรรม ท่านได้พูดคุยกับผมเหมือนท่านชาติชาย สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
“ผมจะใช้ตรีมว่า Tomorrow Never Dies ตอนนั้นมีหนัง เรื่องเจมส์บอนด์ พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย ท่านก็มาพอท่านลงจากเวที ท่านบอกว่าผมป่วย เรียกผมมาคุยสั่งผมไว้ 2-3 เรื่อง ข้อสั่งมีอยู่ข้อหนึ่ง ว่าถ้าผมไม่อยู่นะ พรรคชาติพัฒนา เป็นพรรคที่ผมสร้างมากับเมืองโคราช ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณต้องเป็นคนสุดท้าย ที่ต้องเฝ้าพรรคชาติพัฒนาเอาไว้ และรักษาพรรคชาติพัฒนาเอาไว้
“ผมจำประโยคที่ ท่านพลเอกชาติชาย สั่งผมเอาไว้ ผมถือว่าเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย ผมจะทำอะไร ผมจะนึกถึงท่านเสมอ หลายๆ สิ่งที่ท่านได้ทำเอาไว้ หรือไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ 2 หรือที่ 3 ไม่ว่าจะเป็นหมอวรรณรัตน์ เป็นผม เทวัญ วัชรพล ทุกคนที่เราทำ ผมมีความตั้งใจอยากให้เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงความรู้สึกนึกคิดของคนโคราชที่จะไม่ลืมพลเอกชาติชาย ผมอยากให้ทุกคนเห็น สิ่งที่เราทำให้ทุกคน เป็นพลเอกชาติชายทำ ไม่อยากให้นึกว่าเป็นพวกผมทำ พวกผมเหมือนเป็นลูก เหมือนท่านพลเอกชาติชาย เป็นคนวางมาสเตอร์แปลน เป็นคนทำเพื่อเมืองโคราชและคนโคราช ผมอยากทำอะไรให้กับท่าน เพื่อให้คนโคราช ระลึกถึงท่านเสมอ
“ผมยินดีที่จะร่วมมือกันทุกท่าน ขอบคุณที่ได้ให้ความไว้วางใจ ผมก็จะทำสิ่งที่ผมสามารถทำให้ได้ เหมือนที่ผมพูด “ว่าโคราชคือเรือนตาย มันเป็นความผูกพัน และอยากได้ระลึกถึงท่าน”

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า หลายๆ ท่านได้ให้ความคิดเห็น ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างเรื่องสนามบิน เป็นสิ่งที่ท่านวินัย หรือทางพวกเราได้ทำกันมา คือ โคราชมีสนามบิน เดิมที่อยู่ในกองบิน 1 เป็นเขตรักษาความปลอดภัยทางทหารที่เข้มงวดก็เลยต้องย้ายออกไปสร้างที่หนองเต็งสนามบินอยู่ห่างจากเมืองไปไม่เกิน 30 นาที แต่คนที่จะมาใช้สนามบินมันเป็นเรื่องของภาคธุรกิจ เป็นเรื่องของสายการบิน เป็นเรื่องเครื่องบิน ซึ่งเค้ามาแน่ ถ้าโคราชเป็นเมืองลงทุน เมืองเศรษฐกิจ เมืองอุตสาหกรรม เมืองครัวโลก และเมืองท่องเที่ยว มีความประสงค์ที่จะมาเมืองโคราช
“ผมอยากจะแยกให้เห็นถึงภารกิจที่ชัดเจน ภารกิจภาครัฐ ในการสร้างให้มีสนามบิน ภารกิจของภาคเอกชน เราต้องหารือร่วมกัน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานจังหวัดสนับสนุนอะไร หรือมาร่วมมือกับธุรกิจการท่องเที่ยว พวกชมรมท่องเที่ยวต่างๆ มาทำแพคเกจท่องเที่ยวร่วมกัน ในการที่จะเชื่อมโยง โคราชกับเมืองท่องเที่ยว โคราชภูเก็ต โคราชพัทยา เป็นความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ เพื่อมาใช้สนามบินของรัฐ ที่ได้ลงทุนเอาไว้ ถ้าวันนี้ ไปพูดคุยกับคนกลุ่มนี้ให้มาลงทุนตอนนี้ ก็ทำได้ แต่ต้องเห็นใจภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ผมคิดว่าต้องประสานในการสร้างแพคเกจ ในการบิน การท่องเที่ยว สนับสนุนข้อมูลการท่องเที่ยว ช่วยกันประชาสัมพันธ์ อย่างกลุ่มโคราชรุ่งเรือง ได้ทำกัน ได้งบประมาณและได้ออกออนไลน์กัน เป็นสีสันเมืองโคราชในการกระตุ้นเศรษฐกิจ”

นายสุวัจน์ ย้ำอีกว่า ในอนาคตเมื่อมอเตอร์เวยจบ รถไฟจบ คงไม่ใช่แค่โคราช มันจะกลายเป็นโคราชเชียงใหม่ , โคราช- ภูเก็ต , โคราช-ชุมพร , โคราช-จันทบุรี , โคราช – EEC นี้คือ อนาคตของ Rooting สายการบิน เพราะถ้าเป็นกรุงเทพ-โคราช ถูกเชื่อมด้วยระยะทางชั่วโมงครึ่ง คงไม่มีใครนั่งเครื่องบิน กรุงเทพ-โคราช แต่ว่าสนามบินโคราช จะเป็นสนามบินเชื่อมภูมิภาค เชื่อมภาคเหนือ – อีสาน เชื่อมเชียงใหม่ เชียงราย เป็นในเชิงความคุ้มค่า ซึ่งผมเข้าใจภาวะของ SME ต้องมีการจับมือกันระหว่างกลุ่ม ว่าเรามีอะไรต้องการความช่วยเหลือทั้งทางด้านการเงินหรือการตลาด ถ้าท่านมีอะไรแลกเปลี่ยนหรือจัดกิจกรรมต่างๆ หรือต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีมาก ช่วงผมเป็น รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ผมได้เรื่องกฎหมาย SME และ พ.ร.บ. SME และเรื่องสถาบันการเงินต่างๆ

“ผมขอยินดีร่วมกับทุกท่านในการสร้างเมืองโคราช เราจับมือกันร่วมกัน มีอะไรที่ทำได้ผมยินดี เพื่อให้เมืองของเรามีความเจริญก้าวหน้าต่อไป เพื่อให้ทุกชีวิต 2 ล้านกว่าคน ของคนโคราชในอนาคตของเมือง”นายสุวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย