ภาคประชาชน เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเร่งสืบสวนในประเด็นการหายตัวของ วันเฉลิม ขณะที่อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ระบุ อย่าเพิ่งด่วนสรุปปมถูกอุ้มหาย
จากกรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ อายุ 37 ปี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทย ที่พักอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา ถูกอุ้มหายตัวไปจากหน้าคอนโดที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น
“กลุ่มประชาชนผู้ไม่ยอมนิ่งเฉย” ได้ยื่นหนังสือถึง กมธ.การต่างประเทศ และ กมธ.การกฎหมายฯ โดยมีข้อเรียกร้อง 2 ข้อคือ
1.ขอให้รัฐบาลประสานไปยังสถานกัมพูชา ในการตามหาบุคคลที่กระทำการอุ้มหายกับคนไทยอย่างจริงจัง เช่น ที่ประเทศอังกฤษเคยส่งเรื่องให้กงสุลอังกฤษกับกงสุลไทย ติดตามคดีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เกาะเต่า จนจับผู้ร้ายได้
2.สนับสนุนร่างกฎหมายป้องกันและปราบปราม การทรมานและการทำให้บุคคลสูญหายฉบับประชาชน เพื่อเป็นการรับประกันการอุ้มหายและทรมานจะไม่เกิดขึ้นอีก พร้อมเรียกร้องให้รัฐสภาเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้เพื่อปกป้องชีวิตของประชาชน
ด้าน น.ส. เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานตัวแทนพรรค ซึ่งเป็นตัวแทนมารับหนังสือระบุว่า เหตุการณ์นี้ไม่ต่างกับยุค คสช.พร้อมมองว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว และขอเรียกร้องให้รัฐบาลไม่เพิกเฉยกับปัญหาการถูกอุ้มหายในสังคม
ด้าน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ยื่นหนังสือขอให้ รัฐบาลไทยเร่งประสานกับรัฐบาลกัมพูชา ในการดำเนินการช่วยเหลือ และขอให้เปิดเผยข้อมูลการหายตัวต่อสาธารณชน และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “อย่าด่วนสรุป” ขอย้ำอีกครั้ง นายวันเฉลิม จะถูกอุ้มจริงหรือไม่จริง-ไม่มีใครรู้ แต่เห็นมีภาพโปสเตอร์ว่า นายวันเฉลิม เป็นผู้ลี้ภัยถูกอุ้มเลยอยากอธิบายเพิ่มเติม ต้องบอกความจริงว่านายวันเฉลิม หลบหนีคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และไม่ยอมมารายงานตัวกับ คสช. และถูกกล่าวหาว่ามีความผิดมาตรา 112 อีกทั้งนายวันเฉลิม ไม่มีสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง เบื้องต้นทางการกัมพูชาให้ นายวันเฉลิม อยู่ในฐานะอะไรไม่รู้
แต่ได้ปฏิเสธแล้วว่า ข่าวการอุ้มน่าจะเป็นเฟคนิวส์ ซึ่งคงต้องรอทางตำรวจกัมพูชาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าอะไรคือความจริง