“สุวัจน์” ลั่นฟอร์มรัฐบาลต้อง 300 เสียง หนุน หรือ ไม่หนุน “ลุงตู่” ขออยู่ตรงกลาง รอฟังฉันทามิตประชาชน 24 มี.ค. เลือกใครเป็นนายกฯ วอนพรรคการเมืองอย่าไปกลัว เสียง ส.ว. 250 หากพรรคการเมือง 500 เสียง เป็นปึกแผ่น ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ อย่าไปกลัวสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น ลั่น 3 เดือนแรก รัฐบาลใหม่ ภารกิจแรก คือ เร่งแก้เศรษฐกิจรากหญ้า

เมื่อเวลา 18.30 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ร่วมประชันวิสัยทัศน์ ในเวทีไทยรัฐเลือกตั้ง 62 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า หลังเลือกตั้งต้องยึดคำตัดสินของประชาชนเป็นหลักว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลเป็นอย่างไร แม้ฝ่ายการเมืองเกิดความหวาดกลัวว่า ส.ว. 250 เสียง จะเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี ขณะที่ฝ่ายการเมืองมีหลายขั้วหลายกลุ่ม แต่เสียง ส.ส.มี 500 เสียงมากกว่าเสียง ส.ว.ที่มีเพียง 250 เสียง ดังนั้นฝ่ายการเมืองจะไปกลัวทำไมหากพรรคการเมืองพูดคุยกันและประนีประนอมกันได้ ย่อมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ โดยไม่ต้องไปพึ่งเสียง ส.ว.ให้เข้ามามีส่วนเลือกนายกรัฐมนตรี แต่หากการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้เสียงข้างมาก หรือ รวบรวมเสียงได้ 251 เสียง แล้วทาง ส.ว.เข้ามา ย่อมจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่อย่าลืมว่ารัฐสภามี 3 ฉาก คือ 1.สภาล่างเลือกประธานสภา 2.สภาเลือกนายกรัฐมนตรี 251 บวก ส.ว. และ 3.การจัดตั้งรัฐบาล ที่ต้องได้ 300 เสียง เพื่อเสถียรภาพทางการเมือง แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องรอดูผลการเลือกตั้งประชาชนตัดสินใจอย่างไร ซึ่ง ส.ว.เองต้องระมัดระวัง และ ต้องคิดหนัก ดังนั้นอย่าไปคิดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น

“ผมคิดในแง่บวกอย่าไปกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด คือ อย่าคิดว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อย 251 เสียง เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ เพราะการเมืองมีหลายกลุ่ม หากพรรคนี้ไม่จับมือกับพรรคนี้ ก่อนเลือกตั้ง คือ การเมืองสู้กันเต็มที แต่หลังเลือกตั้งเป็นเรื่องของบ้านเมือง พรรคชาติพัฒนา No Problem พร้อมที่จะเป็นองค์ประกอบให้เกิดความเรียบร้อยทางการเมือง” นายสุวัจน์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคชาติพัฒนา จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนา No Problem ไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขทางการเมือง และให้เกียรติทุกพรรคการเมืองที่เสนอชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรี แต่ประเด็นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ต้องฟังเสียงของประชาชนว่าต้องการบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนาย่อมฟังผลการเลือกตั้ง หรือการตัดสินใจของประชาชน โดยยึดเสถียรภาพรัฐบาลสำคัญ คือ ต้องได้เสียง ส.ส. 300 ขึ้นไป ย่อมทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและสามารถแก้ปัญหาประเทศได้

นายสุวัจน์ กล่าวว่าหลังเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ หากได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ในช่วง 3 เดือนแรก สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องดำเนินการ คือ เร่งฟอร์มทีมรัฐบาลควรมีเสถียรภาพทั้งการบริหารประเทศและการถ่วงดุลตรวจสอบจากฝ่ายค้าน ควรมี 300 เสียง จากนั้นเร่งดำเนินการแก้ปัญหาเร่งด่วน คือ นโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า เน้นกลุ่มพี่น้องเกษตรกรโดยทุกกระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการ เริ่มตั้งแต่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมสินค้าเกษตรแปรรูป ข้าว อ้อย ยาง มันสำปะหลัง ปาล์ม ฯลฯ เพื่อยกระดับราคาสินค้าและรายได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เน้นการส่งเสริมยกระดับการผลิตให้มีต้นทุนต่ำ กระทรวงพลังงานต้องเร่งนำน้ำมันปาล์มมาทำ บี 20 กระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตร และกระทรวงการคลังต้องเร่งจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อเกษตรกร วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และตั้งกองทุน เอสเอ็มอี 1หมื่นล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และ เร่งดึงเม็ดเงินการท่องเที่ยวให้เป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศ จากนั้นเร่งปรับโครงการผลิต และ เร่งสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมืองเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามา

/-/-/