“สุวัจน”สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นำคณะกรรมการพรรคชาติพัฒนาเป็นประะธานสวดอภิธรรม อ.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ วัดเทพศิรินทร์
“สิ่งที่อาจารย์ไกรศักดิ์ผูกพันกับพรรคชาติพัฒนา คือทางการเมืองถึงแม้ท่านจะไม่ได้เป็นส.ส.เขตจากเลือกตั้งโดยตรง แต่อาจารย์ไกรศักดิ์เป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นสว.จังหวัดนครราชสีมา เป็นวุฒิสมาชิกและมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างนโยบายเดิมของท่านชาติชายในการให้ความสำคัญของคำว่า “โคราชประตูสู่อีสาน อีสานประตูสู่อินโดจีน”ฉะนั้น อาจารย์ไกรศักดิ์ ถือว่าเป็นมันสมอง เป็นผู้สืบทอดเจตนารมย์ของพ่อ (พลเอชาติชาย)ในการพัฒนาเมืองโคราช พัฒนาภาคอีสาน”
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 เวลา 17.00 น.ที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส ในงานสวดพระอภิธรรม ของนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในวัย 72 ปี
วันนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม
โดยนายสุวัจน์ กล่าวถึงอาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่ได้มีส่วนในการวางพื้นฐานให้กับการทำพรรคชาติพัฒนาเพราะท่านเป็นบุตรชายของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคชาติพัฒนา ช่วงที่พลเอกชาติชาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อาจารย์ไกรศักดิ์ ถือเป็นบุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่อยู่ในคณะทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในสมัยก่อนเราไม่ค่อยเห็นภาพของทีมที่ปรึกษาหรือคณะทีมที่ปรึกษาอะไรที่เป็นทางการของนายกรัฐมนตรี แต่ในสมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ทุกท่านจะรู้จักคำว่า ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ก็คือทีมที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งมีอาจารย์ไกรศักดิ์เป็นแกนหลักคนหนึ่งและบทบาทของทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกนั้นได้เป็นที่รู้จักเพราะได้เป็นผู้ริเริ่มนโยบายที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจและนโยบายสำคัญทางด้านต่างประเทศ ซึ่งก็เป็นความคิดมันสมองของอาจารย์ไกรศักดิ์ในเรื่องของนโยบายแปรสนามรบเป็นสนามการค้าเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในอีสานให้อีสานเป็นประตูสู่อินโดจีน และนโยบายเรื่องต่างประเทศก็เช่น ตอนนั้นอินโดจีนไม่สงบประเทศไทยก็มีส่วนในการสร้างความสัมพันธ์ในการทำความเข้าใจกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน
“ผมจำได้ว่าตอนนั้นพลเอกชาติชายพูดว่าถ้ารอบบ้านเราทะเลาะกันแล้วใครอยากจะเดินเข้ามาบ้านเราท่านก็บอกว่าถ้าอินโดจีนยังไม่สงบใครจะอยากมาลงทุน ใครจะมาเที่ยวประเทศไทยก็เลยเป็นแนวคิดโยบายต่างประเทศในสมัยนั้นที่จะทำให้เกิดสันติภาพในอินโดจีนและบทบาทของรัฐบาลไทยในช่วงนั้นทำให้เกิดการยอมรับว่าไทยได้เข้าไปมีส่วนคืนสันติภาพให้อินโดจีนและทำให้สถานการณ์รอบบ้านประเทศไทยสงบเรียบร้อยและทำให้เกิดเศรษฐกิจยุคทอง ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย เศรษฐกิจที่ดีในภาคอีสานซึ่งความสำคัญต่างๆเหล่านี้ก็มาจากบทบาทของทีมที่ปรึกษาที่มีอาจารย์ไกรศักดิ์ ในฐานะที่เป็นลูกชายด้วยแล้วทำงานเป็นที่ปรึกษาด้วย”
สุวัจน์ กล่าวและย้ำว่าในช่วงท่านชาติชายตั้งพรรคชาติพัฒนา อาจารย์ไกรศักดิ์ ก็ได้ช่วยวางพื้นฐานเรื่องของนโยบายพรรค หรือในการประชุมพรรคแต่ละครั้งท่านอาจารย์ไกรศักดิ์ก็จะเลคเชอร์ให้พวกเราฟังเรื่องของนโยบายต่างประเทศและงานวิชาการต่างๆ บทบาทและคาแรคเตอร์ที่สำคัญของอาจารย์ไกรศักดิ์ก็คือ ความเป็นนักวิชาการเวลาที่ให้ความคิดเห็นอะไรต่างๆในพรรค ท่านก็จะตรงไปตรงมาท่านชาติชายบอกอย่างนี้ อาจารย์ไกรศักดิ์ก็จะเห็นต่างพ่อลูกจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในที่ประชุม อาจารย์ไกรศักดิ์บางครั้งก็ไม่ได้เห็นด้วยกับคณะผู้บริหารพรรคแต่ก็เป็นพื้นฐานของนักวิชาการแต่เมื่อเราได้ข้อสรุปอะไรกันแล้วก็เรียบร้อยอาจารย์ไกรศักดิ์ถือว่าเป็นนักวิชาการที่มีประชาธิปไตยสูงมากและทุกคนในพรรคชาติพัฒนาก็ให้การเคารพ
สุวัจน์ บอกว่าสิ่งที่อาจารย์ไกรศักดิ์ผูกพันกับพรรคชาติพัฒนาอีกส่วนหนึ่งก็คือ ทางการเมืองถึงแม้ท่านจะไม่ได้เป็นส.ส.เขตจากเลือกตั้งโดยตรง แต่อาจารย์ไกรศักดิ์ก็เคยเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและเคยเป็นสว.จังหวัดนครราชสีมาและเป็นวุฒิสมาชิกด้วยและมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างนโยบายเดิมของท่านชาติชายในการให้ความสำคัญของคำว่า “โคราชประตูสู่อีสาน อีสานประตูสู่อินโดจีน”ฉะนั้น อาจารย์ไกรศักดิ์ก็ถือว่าเป็นมันสมองและเป็นผู้สืบทอดเจตนารมย์ของพ่อ (พลเอชาติชาย)ในการพัฒนาเมืองโคราช พัฒนาภาคอีสานด้วย
ฉะนั้น วันนี้ทางพรรคชาติพัฒนาก็ได้มาร่วมเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมของอาจารย์ไกรศักดิ์
“ผมเองก็มีความผูกพันกับพี่โต้ง ผมเรียกท่านว่าพี่โต้ง พอพี่โต้งจากไป ผมก็นึกถึงท่านชาติชาย ถ้าวันนี้ท่านอยู่จะมีอายุครบ 100 ปี ของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ยังเคยได้พูดกันว่าครบรอบ 100 ปีท่านชาติชาย เราจะทำกิจกรรมอะไรที่รำลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้ทำไว้ก็พอดีอาจารย์ไกรศักดิ์มาจากพวกเราไปก็เลยทำให้คิดถึงการจากไปของท่านชาติชาย” สุวัจน์ กล่าว.