“สุวัจน์” ชี้ คิดถึงเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว ลั่นถ้า 4 ปีอยู่ครบก็เหลืออีก 2 ปี ถ้าอยู่ไม่ครบก็อาจจะเร็วกว่านั้น โยนอำนาจ “นายกฯ อิ๊งค์” ปรับ ครม. ย้ำ พิจารณางบประมาณ 2569 ต้องเหมาะสม-คุ้มค่ากับวิกฤติเศรษฐกิจ
วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนา แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครราชสีมา ถึงทิศทางทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองระดับประเทศลงมาสนับสนุนกระชับพื้นที่การเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน, พรรคเพื่อไทย, พรรคชาติพัฒนา ว่า เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่า การเมืองในระดับท้องถิ่นเป็นความใกล้ชิดกับประชาชน ฉะนั้นมันสามารถทำให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจภาพการเมืองใหญ่ เข้าใจนโยบายของพรรคการเมืองแต่ละพรรคก็เหมือนกับเป็นการชิมลาง เข้าใจความรู้สึกนึกคิดที่พี่น้องประชาชนมีต่อระบบการเมือง มีต่อพรรคการเมืองแล้วทุกคนก็ไปปรับบทบาท ไปปรับหน้าที่กัน
นายสุวัจน์ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ก็มาครึ่งเทอมแล้ว นี่เดือนพฤษภาคม เหมือนกับครึ่งเทอมของ 4 ปีแล้ว ตนเชื่อว่าวันนี้ก็คงอยู่ในใจของแต่ละพรรคการเมืองว่าเมื่อมาครึ่งเทอมแล้ว ครึ่งเทอมหลังมันจะเร็ว เหมือนหนังฝรั่งครึ่งหลังเดินเรื่องเร็วหน่อย ฉะนั้นทุกคนก็คงจะคิดถึงเรื่องการเลือกตั้งครั้งหน้ากันพอสมควรว่า เลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะใกล้เข้ามาแล้ว สมมติถ้า 4 ปีอยู่ครบก็เหลืออีก 2 ปี ถ้า 4 ปีอยู่ไม่ครบก็อาจจะเร็วกว่านั้น แต่นั่นก็เป็นบรรยากาศที่ปูพื้นมาตั้งแต่เลือกนายก อบจ., เลือก ส.อบจ. เลือกท้องถิ่น ก็เหมือนกับเป็นการชิมลาง เป็นการอุ่นเครื่อง ดูความพร้อมและได้รับรู้ทัศนคติจากพี่น้องประชาชนตามชนบทด้วย เพื่อทุกคนจะได้นำไปสู่การปรับบทบาท ปรับนโยบาย ก็จะเห็นถึงความตื่นตัว ความสนใจของพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งตนว่าก็เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนเหมือนกับมีวิธีการทำงานที่มีระบบก็จะดีกับการเมือง
ส่วนคำถามว่าถึงเวลาหรือยังที่จะต้องมีการปรับ ครม. นายสุวัจน์ มองว่า เรื่องปรับ ครม. จริงอยู่ในการตัดสินใจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตนคงจะไปคาดการณ์หรือเดาใจท่านไม่ได้ ต้องมอบให้ท่านเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะปรับ ครม. หรือไม่ จะปรับอย่างไร แต่ว่าตอนนี้เราก็เดินมาแล้วครึ่งเทอม และตอนนี้เราก็มีปัญหาเศรษฐกิจ มีวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ทุกคนก็กังวลกันก็น่าจะมาจากเรื่องการลงทุน การส่งออกที่จะได้รับผลกระทบในกรณีที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษี วันนี้เราอยู่กับวิกฤติเศรษฐกิจ ฉะนั้นเรื่องปรับ ครม. เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าจะมีการปรับ ครม. ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงคาดหวังว่าเป็นการปรับ ครม. ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อีกทั้งมองว่าถ้าจะมีการปรับ ครม. ก็คงจะการปรับ ครม. ที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่ามีการปรับ ครม. เพื่อให้การบริหารงาน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ว่าการตัดสินใจอะไรต่างๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามต่อ มาครึ่งเทอมแล้วเรื่องเสถียรภาพรัฐมนตรีแน่นหนาเหมือนกำแพง แต่ด้านเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลจะไปอย่างไร นายสุวัจน์ คิดว่าในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจการเมืองก็สำคัญ เพราะเศรษฐกิจไม่ได้มาแก้การเมือง แต่การเมืองไปแก้เศรษฐกิจ ฉะนั้นการเมืองก็ต้องมีความพร้อม มีความเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ มีความเข้าใจในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ก็ต้องถือว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้นนอกจากนโยบายที่สำคัญแล้ว ส่วนหนึ่งก็คือการขับเคลื่อนที่มาจากเสถียรภาพทางการเมือง ต้องเข้าใจกันในส่วนนี้ พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องพยายามที่จะเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ยิ่งเราอยู่ในวิกฤติเศรษฐกิจเท่าไหร่ ความมั่นใจกับเสถียรภาพของการเมืองก็ต้องยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะเป็นภูมิคุ้มกันกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ล้อมรอบตัวเราอยู่ เราก็ต้องพยายามรักษาบรรยากาศของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลให้ดีที่สุด และเพื่อให้เกิดเอกภาพในการทำงาน
ส่วนที่มีการใช้งบประมาณปรับปรุงรัฐสภาจำนวนมหาศาลนั้น นายสุวัจน์ มองว่าอันนั้นเป็นเรื่องของบประมาณที่กำลังจะมีการประชุมพิจารณากันประมาณช่วงปลายเดือน ตนคิดว่างบประมาณปี 2569 เป็นงบประมาณที่มีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นการจัดทำงบประมาณที่อยู่บนพื้นฐานของวิกฤติเศรษฐกิจขณะนี้ ฉะนั้นหัวข้อหรืองบประมาณหรือความเหมาะสมของโครงการต่างๆ นั้นก็จะต้องตอบโจทย์ว่าวันนี้ลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอยู่ตรงไหน มันเป็นโอกาสที่สำคัญของสภาฯ ในการที่จะช่วยกันพิจารณาให้เกิดความรอบคอบเหมาะสมกับเม็ดเงินที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อลำดับความสำคัญ โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจที่ล้อมรอบตัวเราอยู่นี้ งบประมาณควรจะตรงกับโจทย์ ตรงกับปกอย่างไร แล้วก็ใช้ให้คุ้มค่าในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจขณะนี้อย่างไร.a