ไทยดัน Soft Power อาหารสู่เวทีโลก! โชว์ Fine Dining ระดับทูต โชว์ศักยภาพสู่มาตรฐานโลก

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ดัน Soft Power ไทย จัดงาน “Fine Dining : THE POWER OF THAI SOFT POWER” รวมเชฟอาหารถิ่นทั่วประเทศ โชว์ศักยภาพสู่มาตรฐานสากล

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องจัดเลี้ยง ร้าน R-HAAN (มิชลินสตาร์ 2 ดาว) ซอยทองหล่อ เขตวัฒนา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงาน “Fine Dining : THE POWER OF THAI SOFT POWER” นำเสนอสุดยอดเมนูไทยจากผู้เข้าอบรมโครงการต่อยอด OFOS ปั้น Soft Power อาหารไทย…สู่มาตรฐานสากล พร้อมเชิญเอกอัครราชทูตจากหลายประเทศร่วมสัมผัสศักยภาพอาหารไทยผ่านมือต้นแบบเชฟรุ่นใหม่ทั่วประเทศ

งานนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) พร้อมคณะผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารไทย นำโดย เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟมิชลินระดับประเทศ และคณะกรรมการชั้นนำในวงการอาหาร ร่วมตัดสินและให้คำแนะนำแก่เชฟรุ่นใหม่

รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ เปิดเผยว่า โครงการ “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย (OFOS)” มุ่งต่อยอดเชฟอาหารไทยมืออาชีพให้มีความรู้ตามมาตรฐานสากล ทั้งการจัดการครัว สุขอนามัย นวัตกรรมการปรุง และการนำเสนออาหารแบบ Fine Dining โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการมากถึง 279 คนทั่วประเทศ

เชฟที่ผ่านการอบรมจะได้รับการพัฒนาอย่างเข้มข้นทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ก่อนเข้าสู่การแข่งขันเฟ้นหา สุดยอดเชฟอาหารถิ่นไทยระดับประเทศ จำนวน 5 คน เพื่อสร้างสรรค์สูตรอาหารไทยแนวใหม่สำหรับงานระดับทูตานุทูตในครั้งนี้ งาน “Fine Dining : The Power of Thai Soft Power“ แด่เอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ อาทิ เอกอัครราชทูตเบลเยี่ยม อัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี อัครราชทูตญี่ปุ่น ผู้แทนจากสถานทูตออสเตรเลีย คณะผู้แทนสหภาพยุโรป และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้แก่ รองอธิบดีกรม ส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนจากกรมประชาสัมพันธ์อธิการบดี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผู้แทนจากบริษัทการบินไทย

ด้าน นาย พลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ ระบุว่า โครงการพัฒนาเชฟระดับสากลเป็นหลักสูตรเข้มข้นที่คัดเลือกเชฟจากทั่วประเทศซึ่งมีประสบการณ์สูง เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการคัดเลือกวัตถุดิบ การปรุงอาหาร และการสร้างสรรค์เมนูที่มีมาตรฐานระดับโลก โดยมุ่งยกระดับเชฟไทยให้มีความสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ

โครงการยังเน้นบทบาทของเชฟในการเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนและบุคลากรด้านอาหาร ช่วยพัฒนาการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ และยกระดับมาตรฐานอาหารไทยเชื่อมโยงสู่ระดับสากล พร้อมผลักดัน Soft Power ไทยด้านอาหารให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก

เชฟชุมพล เผยว่า แนวคิด Gastronomy Diplomacy หรือการนำอาหารเป็นสื่อทางการทูต กำลังเป็นหัวใจสำคัญของการผลักดันอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่มาตรฐานโลก สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและ Soft Power ไทยที่แข็งแรงขึ้น

ภายในงานได้จัดเสิร์ฟเมนู Fine Dining จำนวน 5 คอร์ส ที่ดัดแปลงจากวัตถุดิบพื้นบ้าน ให้เป็นอาหารไทยร่วมสมัย ได้แก่
1. ยำปลาแนวใหม่ ผสานน้ำจิ้มซีฟู้ดฉบับอินโนเวชั่น
2. ไก่ดำภูพาน จากโครงการพระราชดำริ ต่อยอดเป็นอาหารระดับสากล
3. ต้มยำกุ้งโมเดิร์น เทคนิคการปรุงและจัดวางแบบร่วมสมัย
4.ชุดแกงไทยระดับโลก ใช้เนื้อวากิวโคราช และข้าวไทยพรีเมียม

5. ขนมหวานไทยรูปแบบใหม่ เช่น หม้อแกงสากล สาคูต้นครีเอทีฟ และกล้วยบวชชีไอศกรีม

โดยผู้ชนะเลิศการแข่งขันปีนี้คือ นางสาวพรพรรณ ถิ่นอุดม เชฟจากจังหวัดนครราชสีมา ด้วยเมนูซิกเนเจอร์อีสาน “ขนมจีนประโดก น้ำยาคูลโคราช” ได้แรงบันดาลใจจากคำทักทายพื้นบ้าน “มาเด้อ กินเข่า” พร้อมเสิร์ฟคู่กับเมนูสร้างสรรค์ เช่น ปลานาครีม ปูนา, ข้าวกล่องโคราช และกุ้งแผง สื่อเอกลักษณ์รสชาติอีสานอย่างโดดเด่น

เชฟพรพรรณ ยังได้สร้างสรรค์เมนคอร์ส สเต็กเนื้อวัวดำลำตะคอง ซอสแกงป่า เสิร์ฟคู่ข้าวผสมข้าวฮาง–ข้าวเม่า พร้อมน้ำปลาร้าแจ่ว กลายเป็นจานอาหารที่สะท้อน “อีสานระดับโลก” อย่างแท้จริง

งานนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นพลังทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง พร้อมพาอาหารไทยและเชฟรุ่นใหม่ก้าวสู่เวทีสากลอย่างยั่งยืน