ตามจับ แก๊งยาข้ามชาติ จากสินค้าถูกตีกลับ ซุกเฮโรอีน ยึดเบนซ์-โรเล็กซ์ ของกลาง 7.5 ล้าน

แก๊งยาข้ามชาติ / เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ม.ค. ที่ศูนย์ปฎิบัติการ สำนักงานป.ป.ส.(ดินแดง) นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อดิศ เจริญสวัสดิ์ รองผบก.ปส.3 บช.ปส. Mr.Stephen Fry เจ้าหน้าที่ประสานงานอาวุโส สำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย ผู้แทนตำรวจแคนาดาประจำประเทศไทย นายบัญชา โทสมัย ผู้เชี่ยวชาญด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ ภายใต้โครงการ Taskforce Strom (หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วม ไทย-ออสเตรเลีย)

โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ประกอบด้วย นายสตีเฟ่นส์ แบลร์ อายุ 38 ปี สัญชาติแคนาดา และนายพหล ศิวสิริการุณย์ อายุ 27 ปี พร้อมของกลาง เฮโรอีนประมาณ 3,740 กรัม บรรจุในกระบอกโช๊คอัพรถยนต์ 8 ตัว ก่อนขยายผลตรวจยึดกัญชาอัดแท่ง 1 กิโลกรัม ยาอี 2 เม็ด โคเคน 1 กรัม รถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E 300 Coupe สีบรอนซ์เงิน รถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีดำ รถจักรยานยนต์ รุ่นคาวาซากิ รุ่น Z1000 1 นาฬิกาข้อมือ AP Royal Oak 1 เรือน นาฬิกา Rolex Oyster S GMT อีก 1 เรือน เงินสด 2,557,000 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 7,557,000 บาท

นายนิยม กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า มีพัสดุต้องสงสัยจากประเทศออสเตรเลียตีกลับเข้ามายังขนส่งคลังสินค้าสุวรรณภูมิ จึงเข้าตรวจสอบพบโช๊คอัพรถยนต์จำนวน 8 ตัว ซึ่งจากการตรวจค้นอย่างละเอียดพบเฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 3,740 กรัม กระจายซุกซ่อนอยู่ภายในโช๊คดังกล่าว จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนสืบสวนจากแหล่งที่มาของพัสดุจนสามารถขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 ราย พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินได้ทั้งหมดดังกล่าว

นายนิยม กล่าวต่อว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานทั้งในประเทศและระหว่างประเทศภายใต้โครงการ Taskforce STORM (หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วม ไทย- ออสเตรเลีย) โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวการร่วมปฎิบัติการ เกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการค้ายาเสพติด ภายใต้ความร่วมมือของ สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police; AFP) ซึ่งได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด

จนทราบว่ามีการลักลอบนำยาเสพติดจากแนวตะเข็บชายแดนสามเหลี่ยมทองคำ ผ่านเข้าไทยก่อนจะลำเลียงไปยังประเทศออสเตรเลีย หรือ แคนาดา การจับกุมครั้งนี้มีปริมาณยาเสพติดไม่มาก แต่เป็นการขนแบบกองทัพมด โดยในเคสนี้มีการนำยาเสพติดซุกซ่อนบรรจุเข้าไปในโช๊คอัพรถยนต์ เพื่อส่งต่อปลายทางไปยังประเทศออสเตรเลีย แต่เกิดผิดพลาดที่ปลายทางสินค้าค้าตีกลับมา

ทั้งนี้ถือว่ายากต่อการตรวจสอบแต่ทางป.ป.ส. ได้ประสานข้อมูลไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งขณะนี้ทราบถึงตัวบุคคลผู้ร่วมขบวนการไว้ทั้งหมดแล้วเป็นชาวแคนาดา และยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและประสานการจับกุมอีกครั้ง

นายนิยม กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนการลักลอบขนส่งเฮโรอีน จะอยู่ในรูปแท่ง ซึ่งทำให้การขนย้ายเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ปัจจุบันเปลี่ยนรูปแบบการแบ่งซุกซ่อนในสิ้นค้าต่างๆ ถ้าไม่มีความร่วมมือทางการข่าวจะไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้เลย สำหรับสถานะการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่เรียกกันว่า LSD นั้น เป็นตัวยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายซึ่งก็มีการจับกุมมาโดยตลอด จะพบได้ในกลุ่มนักเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งลักลอบนำเข้ามาแต่ยังไม่พบในประเทศไทย อย่างไรก็ตามทางสำนักงาน ป.ป.ส.มีการเฝ้าติดตามสถานะการอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน,ยาอี) ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (ยาโคเคน) ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่าย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายพร้อมทั้งขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

 

ขอบคุณ ที่มา https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_2111581