นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก และเห็นว่าการแก้ปัญหาจะประสบผลสำเร็จได้ต้องสร้างความรับรู้และตระหนักแก่ทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ เผยพบ 1,700 โรงงานเสี่ยงปล่อยฝุ่นละออง สั่งหยุดปรับปรุงกว่า 600 แห่ง ส่วนแผนระยะยาวเตรียมปรับมาตรฐานค่าฝุ่นละอองเหลือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.62 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจยังคงแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยในระยะเร่งด่วนนั้นทุกภาคส่วน รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม หากมีความจำเป็น ก็จะปิดโรงงานในช่วงเวลาที่ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน โดยปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 100,000 โรงงาน พบว่าโรงงานที่มีความเสี่ยง 1,700 โรงงาน และโรงงานต้องปรับปรุงมาตรฐาน จำนวน 600 โรงงาน ส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่ต้องต้มน้ำด้วยความร้อน จึงต้องใช้ทั้งแก๊สและถ่านหิน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงเดินหน้าควบคุมปริมาณฝุ่นละอองให้มากที่สุด โดยยังการดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการฉีดละอองน้ำ การให้หยุดเรียน การแจกหน้ากากอนามัยและการสนับสนุนให้รถยนต์มาใช้น้ำมัน B20 แต่มาตรการเหล่านี้ต้องใช้เวลา เพราะรัฐบาลต้องการการแก้ปัญหาโดยควบคุมปริมาณฝุ่นละอองทุกชนิดไม่เฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เท่านั้น

ส่วนมาตรการระยะยาว จะปรับลดมาตรฐานค่าฝุ่นละอองในอากาศจาก 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เหลือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งแนวคิดนี้รัฐบาลคิดและเตรียมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมการ จึงอยากสร้างการรับรู้เพื่อให้ร่วมกันแก้ไขปัญหา รัฐบาลสั่ง คิดและใช้กฎหมายแก้ปัญหาไม่ได้ ตราบใดที่ทุกคนยังไม่ร่วมมือกัน

เช่น การเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และการติดตั้งเครื่องลดมลพิษในรถยนต์ทุกคัน เพื่อให้การแก้ปัญหาครอบคลุมทุกมิติ ทั้งนี้เห็นว่าสิ่งสำคัญจะแก้ปัญหาได้สำเร็จจะต้องสร้างการรับรู้และความตระหนักสำหรับทุกคนให้ร่วมกันแก้ปัญหา

“ฝุ่นละออง PM2.5-PM10 ส่วนใหญ่มาจากการใช้รถยนต์บนท้องถนน ที่มีกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องมาดูว่าจะแก้ไขปัญหาการใช้รถยนต์บนท้องถนนได้อย่างไร โดยตั้งเป้าว่าจะต้องลดลงให้เหลือ 35 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ ต้องดูไปถึงตัวเครื่องยนต์ เช่น ไส้กรองอากาศ ระบบการใช้น้ำมัน พร้อมหามาตรการช่วยเหลือ เพราะเมื่อไม่สามารถใช้รถยนต์ดีเซล ก็ต้องหามาตรการอื่นมาทดแทน”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้พกเครื่องวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 มาคอยตรวจวัดคุณภาพอากาศเป็นระยะๆ พร้อมระบุว่า ในห้องนี้วัดได้ประมาณ 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังขอความร่วมมือประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาและเชื่อว่าจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ