“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระคติธรรมวันอาสาฬหบูชา มีสัมมาวาจาอยู่ทุกขณะ ช่วยเกื้อกูลให้เพื่อนร่วมชาติ ร่วมสังคม ก้าวข้ามพ้นจากความทุกขโทมนัส แปรเปลี่ยนเป็นความเกษมสวัสดิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยแพร่ พระคติธรรม เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 ความว่า
ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว สาธุชนทั้งหลาย ต่างร่วมกันบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษเพื่อรำลึกถึงวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็นพระรัตนตรัย นับเป็นนักขัตฤกษ์สำคัญ และยังสรรค์สร้างเกียรติประวัติสำหรับราชอาณาจักรไทย ด้วยเป็นประเทศแรกในโลก ที่ดำริริเริ่มให้มีการบูชาพิเศษในดิถีเพ็ญอาสาฬหะ เมื่อรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประกาศความเป็นเมืองแห่งพระพุทธธรรม ซึ่งช่วยค้ำชูจิตใจของชนในชาติให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

ปฐมเทศนาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้น คือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ทรงชี้บอกวิถีทางแห่งการดับเพลิงกิเลสให้สูญไปโดยสิ้นเชิง ด้วยมรรคมีองค์ 8 เรียกอีกอย่างว่า “ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวการณ์ในโลกปัจจุบัน ขอพุทธบริษัทพึงหันมาพิจารณาทบทวนมรรควิธีประการสำคัญประการหนึ่งในองค์ 8 นั้น ได้แก่ “สัมมาวาจา” ซึ่งหมายถึงการดำรงคำสัตย์ กล่าวแต่คำประสานน้ำใจซึ่งกันและกัน มีวาจาไพเราะจับใจ และกล่าวแต่สิ่งที่เปี่ยมด้วยสารัตถะ หากจงช่วยกันใช้ฉันทวาจา ให้สมาชิกในสังคมตั้งแต่ระดับครอบครัว ไปจนถึงชุมชน และประเทศชาติ เต็มไปด้วยสารประโยชน์ในกาลทั้งปวง ชวนกันเจริญ “เมตตาวจีกรรม” ซึ่งจะชักพาให้ตนและสังคมส่วนรวมมีความวัฒนาสถาพร

วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังนำพาให้เราทั้งหลายมั่นคงแน่วแน่ด้วยปณิธานแห่ง “สัมมาวาจา” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยไพบูลย์ด้วยสันติสุข ขอจงเร่งเจริญรอยตามพระยุคลบาทของพระพุทธองค์ ผู้ทรงพระมหากรุณาประทานอริยอัฏฐังคิกมรรคไว้เป็นหนทาง พร้อมเพรียงกันบำเพ็ญคุณประโยชน์ โดยเริ่มที่ตนเอง จากการมี “สัมมาวาจา” อยู่ทุกขณะ ซึ่งจะช่วยเกื้อกูลให้เพื่อนร่วมชาติ ร่วมสังคม สามารถก้าวข้ามพ้นจากความทุกขโทมนัส แปรเปลี่ยนเป็นความเกษมสวัสดิ์ของสรรพชีวิตบนโลกนี้ได้สืบไป ตลอดกาลนาน

นอกจากนี้ ยังมี ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ที่ 4/2564 เรื่อง การจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศักราช 2564 ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามและสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จึงกำหนดแนวทางการจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาของพระอาราม อนุโลมแนวปฏิบัติของคณะธรรมยุต และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการเฉพาะสำหรับเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศักราช 2564 ดังต่อไปนี้

1. เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงงดเสด็จออกประทานพระวโรกาสให้พระเถรานุเถระเฝ้าถวายสักการะทำสามีจิกรรม ทั้งนี้ ในดิถีแรม 1 ค่ำ เดือน 8-8 ตรงกับวันที่ 25 กรกฎาคม 2564 วัดต่างๆ สามารถจัดที่ประดิษฐานพระรูปเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ในพระอุโบสถ อุโบสถ หรือสถานที่ที่เหมาะสม แล้วกระทำสามีจิกรรมต่อหน้าพระรูป โดยมิต้องเดินทางออกนอกวัด

2. งดการให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมพิธีอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา และงดพิธีตักบาตรดอกไม้ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

3. ในดิถีแรม 5 ค่ำเดือน 8-8 ตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จะประดิษฐานพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ณ พระอุโบสถ แล้วทำวัตรเย็น เจริญพระพุทธมนต์ด้วยพระสูตรและพระปริตรตามระเบียบ แล้วเจริญจิตภาวนาถวายพระราชกุศล ตามประเพณีคณะธรรมยุต เป็นการภายใน ทั้งนี้ ความทราบฝ่าพระบาทแล้ว