‘สรยุทธ’ เป็นอิสระแล้ว
ประสบการณ์1ปี ในเรือนจำ จากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยันไม่ทิ้งช่อง3

นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง เปิดใจภายหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯว่า สิ่งแรกที่จะทำหลังไปถึงบ้านคือจะกลับไปไหว้รูปแม่ก่อน เมื่อคืนนอนหลับดีหลับตั้งแต่เวลา 21.30 นตื่นมาตอน 03.00 น.

“วันที่จะได้รับอิสรภาพไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นชีวิตของความทุกข์ทรมานมันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แต่พอเข้ามาสุดท้ายทางกายผมก็ปรับตัวได้ในคุกมีคนถามว่าพี่ยุทธสบายดีหรือไม่ผมได้บอกไปว่าอย่าถามเพราะในคุกไม่มีใครสบายแต่พออยู่ได้ทุกวันผมต้องเข้าไปยังห้องขังตอน 15:00 น จนถึง 6:30น.14- 15 ชั่วโมงแต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้”

นายสรยุทธ ยังกล่าวอีกว่า ก่อนที่จะถูกคุมขังนายชูวิทย์กมลวิศิษฎ์ ได้สอนตนอยู่ 3 คำว่า”อยู่ให้เป็น เย็นให้พอรอให้ได้” แต่พอไปอยู่ในเรือนจำมีคำ 3 คำที่คนเขาพูดกันคือ”กินให้ อิ่มนอนให้พอ รออภัย”

ทั้งนี้รู้สึกดีใจที่ทุกคนไม่ลืมกัน การอยู่ในเรือนจำถือว่าเป็นการจบคดีความ และ ดีใจที่ได้มีวันนี้ เพราะจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง การอยู่ในเรือนจำ 1ปีกว่า รู้สึกเคว้งคว้าง มีความทุกข์ทางจิตใจ แต่ทุกข์ทางร่างกายก็สามารถปรับตัวได้ แต่หลังจากจัดรายการให้ข้อมูลข่าวสารในเรือนจำก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะถือเป็นการใช้ชีวิตในเรือนจำที่คุ้มค่า ไม่ใช้ชีวิตที่เปล่าประโยชน์

ส่วนจะกลับสู่หน้าจอเมื่อไหร่นั้น ขอกลับไปคิด และ ปรับตัวก่อนว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ทำงานมา 5 ปีอีกทั้งโลกปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสาร ก็เปลี่ยนไป มีสื่อมากมายจะทำอย่างไรให้คนกับมาติดตามข่าว แต่ยืนยันยังอยู่กับช่อง 3 ต่อ

นายสรยุทธ์ บอกด้วยว่า สำหรับโครงการพักโทษนั้น ส่วนตัวมองเป็น 2 แบบ คือ หากเป็นผู้ต้องหาในคดีอุจกรรจ์ขอทุกคนอย่าทำ เพราะถ้าเข้าเรือนจำไปแล้วจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะจะไม่ได้รับการอภัยโทษเลย

ส่วนอีกแบบ คือ ทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาด และต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ แต่เมื่อต้องออกจากเรือนจำขอทุกคนอย่าอคติ และให้โอกาส ให้ดลับสู่สังคม เพราะถ้าให้โอกาสเชื่อว่าจะเป็นพลังของสังคม แต่หากไม่ให้โอกาสจะทำให้เป็นภาระของสังคม ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นการให้โอกาสอีกครั้ง แต่เมื่อออกมาแล้วก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วย

ในช่วงท้ายการแถลงข่าว นายสรยุทธ ได้โชว์รองเท้าที่เป็นการแกะลายด้วยมือ เป็นลายสโมสรลิเวอร์พูล จากเพื่อนนักโทษในเรือนจำ อื่นๆ ที่ส่งให้ จึงขอนำกลับออกมาเป็นที่ระลึกด้วย