อัพเดทมาตรการ สกัด “โควิด -19 “มีการออกมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการกักตัวแรงงาน ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง

ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่แต่ภาครัฐได้ตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ปัญหาเพื่อควบรวมข้อมูลในสถานการณ์ทั้งหมดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีตัวเลขกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวนไม่น้อยแต่วัน

ทำให้การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประจำวันที่ 10 มี.ค. ซึ่งเป็นวันประชุมครม.ที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ระดมความเห็นจากรัฐมนตรี เพื่อวางมาตรการป้องกันและหาทางออกเพื่อนับมือการสถานการณ์ “โควิด-19” โดยได้เพิ่มมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการกักตัวแรงงาน ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงการระบาดของเชื้อไวรัส

ถึงแม้คนกลุ่มนี้จะผ่านการตรวจคัดกรองแล้วไม่พบว่ามีไข้ แต่ถือเป็น “กลุ่มเสี่ยง” ที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสาธารณสุขหมู่บ้าน ช่วยในการติดตามอาการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่กรมการปกครองในแต่ละจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง จะแบ่งงานกันในการเฝ้าระวังติดตาม

ที่สำคัญในกลุ่ม “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ต้องกักตัวอยู่ในสถานที่ที่พำนัก อาทิ โรงแรมหรือที่พักที่แจ้งไว้กับทางการ โดยจะมีเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค เข้าไปติดตามอาการ และต้องมีการรายงานตัวให้ทราบทุกวัน

สำหรับมาตรการที่กำหนดให้มีใบรับรองแพทย์ ก่อนเดินทางเข้าประเทศ จะทำให้ยอดนักเดินทางเข้ามาในไทยลดลง จะไปช่วยลดภาระต้องติดตาม รวมถึงความเสี่ยงของโรค “โควิด-19” จะลดลงในระดับหนึ่ง เพราะระบบที่วางไว้จะช่วย “สแกน” กลุ่มเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ในที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอมาตรการเร่งรัดให้ทุกภาคส่วนของราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) และรัฐวิสาหกิจ จัดประชุมและสัมมนาภายในประเทศ เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.2563 เพื่อช่วยพยุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจาก และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

ไม่ใช่แค่นั้นในช่วงการประชุม ครม. “เทวัญ ลิปตพัลลภ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” ได้นำกล่องมาวางไว้หน้าห้องประชุม ครม.ให้รัฐมนตรีนำเงินมาบริจาคตามความประสงค์ ไม่ได้หักเงินเดือน เพื่อนำเงินส่วนนี้มาใช้ดำเนินการแก้ปัญหา นอกเหนือจากงบประมาณในการแก้ปัญหา โดยมีการลงชื่อบริจาคเพื่อนำไปเป็นหลักฐานการหักภาษีได้

เป็นมาตรการล่าสุดจากที่ประชุม ครม.ต่อแผนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ยังอยู่ในสถานการณ์ยกระดับการเฝ้าระวังจากนี้ต่อไป.

ขอบคุณข้อมูล : nationweekend